พระสมเด็จรุ่นแรกลป.เกลี้ยงโนนแกดระสมเด็จวัดดอนเสาร์๕ปี๒๕๑๖ สมเด็จหลวงพ่อลมูลวัดเสด็จ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,956
    ค่าพลัง:
    +21,368
    FB_IMG_1742160030432.jpg


    พระสิวลี ลปหลอด ปโมทิโต
    วัดใหม่เสนานิคม
    ลปหลอดปโมทิโต พระกรรมฐาน
    ศิษย์ลป.มั่น ภูริทัตโต พระอรหันต์ กลางกรุง
    สุดยอดมวลสารและเจตนา การสร้าง เน้น เมตตา โชคลาภ หนุนดวง เดินทาง กันป้องกันภัย
    พระสิวลี รุ่นนี้ ลป.หลอด บอกให้หยุดแจกก่อน เพื่อเอาไว้ให้
    สำหรับคนเดินทางไปต่างประเทศ เท่านั้น เพราะคนที่ไปต่างประเทศ จะได้นำเงินเข้าประเทศไทย เยอะๆ เกิดความคล่องตัว มา บำรุงประเทศ ชาติ พระศาสนา เป็นจริง ทุกประการ ตามที่ หลวงปู่หลอด ได้ กล่าวไว้ ในยุคประเทศไทยตอนเศรษฐกิจล่ม ฝืดเคือง

    จากการบันทึกของ คุณสุรินทร์ ตั้งสันติภาพ มวลสารที่นำมาจัดสร้างได้รับความเมตตาจากหลวงพี่เขียว พระอุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่หลอด และมวลสารสำคัญส่วนหนึ่งที่คุณสุรินทร์ เก็บรักษาไว้ ดังนี้
    ๑.พระอังคุลีธาตุ (ข้อนิ้ว) ของพระพุทธเจ้า
    ๒.ดินจากสี่สังเวชนียสถาน ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน
    ๓.ดินจากมูลคันธกุฏี ที่ประทับของพระพุทธเจ้า
    ๔.ดินจากสถานที่พระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์
    ๕.ดินจากสถานที่บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
    ๖.ใบโพธิ์จากต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้
    มวลสารทั้ง ๖ นี้ ลป.หลอด มอบให้มาเป็นส่วนผสมหลักของพระสิวลี
    ๗.ผ้าจีวร เกศาธาตุ โลมาธาตุ ชานหมาก ผงที่เหลือจากการสร้างวัตถุมงคล ปี ๓๙-๔๐
    ๘.ผงที่เหลือจากการสร้างพระสมเด็จปรกโพธิ์ รุ่นแรก
    ๙.ผงพรายกุมาร หลวงทิม อิสริโก วัดระหารไร่ ระยอง
    ๑๐.ผงพระสมเด็จ พระขุนแผน ลป.ปรง สาสโน วัดธรรมเจดีย์ สิงห์บุรี
    ๑๑.แร่กายสิทธิ์ต่างๆ พลอย-หินขวานฟ้า
    ๑๒.ว่าน ๑๐๘ ของหลวงปู่เสรี พระวิปัสสนาจารย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    ๑๓.ผงพระแตกหักชำรุดต่างๆ เช่น พระวัดสามปลื้ม พระนาดูน พระบางขุนพรหม พระวัดประสาท ฯลฯ
    ๑๔.ธนบัตรเก่าที่ชำรุด
    ๑๕.ผงยาจินดามณี ตำรับวัดกลางบางแก้ว หลวงปู่เจือ ปิยสีโล
    ฯลฯ
    นอกจากนี้ยังมีว่านสำคัญเป็นมวลสาร เช่น ว่านพระสิวลี ว่านบังเกิดทรัพย์
    ว่านกวักเศรษฐี ว่านมหาลาภใหญ่ ว่านเงิน ว่านทอง ว่านทางเมตตามหานิยม เสน่ห์จันทร์ อ ส่วนหนึ่งซึ่งเกินจะกล่าว พระสิวลี ชุดนี้กดพิมพ์
    ภายในวัดใหม่เสนา ทุกขั้นตอน
    ในการกดพิมพ์พระ ลป.หลอด เป็นองค์ปฐมฤกษ์ขณะผสมมวลสารพึงภาวนาว่า " นะมะพะทะ นะชาลิติ" เมื่อปั้นเป็นก้อนกลมภาวนา" นะชาลิติ" เมื่อกดปั้มเป็นองค์พระภาวนา นะชาลิเต สังฆะชาลิเต เมื่อหยิบองค์พระออกจากบล็อกแม่พิมพ์ ภาวนา อิติปิโสภควา สิวลี จมหาเถโร เมตตา มหาลาโภ นะชาลิติ
    เมื่อกดพิมพ์สำเร็จแล้วนำองค์พระไปผึ่งลมจนแห้งได้ที่ ก่อนนำไปเข้าพิธีปลุกเสกอีกครั้ง โดยมีฆราวาสผู้สำรวมอินทรีย์จิตภาวนาเป็นผู้นำไปเก็บรักษา
    และ เจริญพระคาถาหัวใจพระไตรปิฏก ได้แก่ อาปามะจูปะฯ ทีมะสังอังธุฯ สังวิธาปุกะยะปะฯ
    ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิษฐาน ขอรูปพิมพ์พระสิวลีนี้ จงมีความขลังความศักดิ์สิทธิ์
    เป็นพระที่มีประสบการณ์ด้านโชคลาภ ถือได้ว่าเป็นพระสิวะลีรุ่นแรกของ ลป.หลอด
    หากท่านสวดพระคาถาและรำลึกถึงพระสิวะลีด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ลาภสักการะก็จะหลั่งไหลมาสู่ท่าน ความสมบูรณ์มั่งคั่งจะ บังเกิดแก่ ผู้บูชาพระสิวะลี
    "สิวะลีจะ มะหาเถโร ชัยยะสิทโธ
    มะหิทธิโก เถรัสสะ นุภาเวนะ
    (อธิษฐาน )
    อุกาสะ อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้าขออาราธนาคุณพระสิวลีเจ้า จงมาบังเกิด ในจักษุทวาร ในโสตะทวาร ในฆานะทวาร ในชิวหาทวาร ในกายทวาร ในมโนทวาร ของข้าพเจ้า ณ.บัดนี้
    อะหัง ลาโภจะลาภานัง ลาภะสักกาโร จะปูชิโต
    ขอเดชะบารมี ที่ข้าพเจ้าได้สร้างมาอดีตชาติ นสันชาติ สังขยะชาติ ชาติใดใดก็ดี จนมาชาตินี้ สิวลีปุญเญนะ ขอให้เหมือนบุญพระสิวลีเถรเจ้า
    นะ ชา ลี ติ
    ขออานุภาพบารมีของ พระสิวลี
    จงดลบันดาลให้ท่านทั้งหลาย
    จงเป็นผู้มีโภคทรัพย์ อุดมไปด้วยลาภ
    “กินไม่หมด จนไม่เป็น”ร่ำรวย
    ด้วยพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ ด้วยอำนาจ พระอรหันต์เจ้า สิวลีเถระเจ้า
    เมื่อเก็บรักษาองค์พระ เรียบร้อยแล้ว
    หลวงปู่หลอด ปโมทิโต จะอธิษฐานจิตภาวนาเบิกพระเนตรให้เสร็จเป็นองค์พระในทีเดียวก่อนบริกรรมพระคาถาเฉพาะ... นอกจากองค์หลวงปู่หลอดเมตตาจิตเดี่ยวตลอดพรรษา ยังได้รับความเมตตาอธิษฐานจิตจากหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงปู่ศรี มหาวีโร เป็นกรณีพิเศษอีกด้วย นับเป็นองค์พระควรค่าแก่การสะสม
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสิวลีฝังตะกรุด(องค์นี้เห็นตะกรุดชัดเจน) หลวงปู่หลอด ปโมทิโต
    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250317_041540.jpg IMG_20250317_041613.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2025 at 09:43
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,956
    ค่าพลัง:
    +21,368
    FB_IMG_1742183852402.jpg

    หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม
    เชื่อกันว่าหลวงพ่อแช่มสำเร็จเตโชกสิณตั้งแต่พรรษายังน้อย บางคนเชื่อว่าท่านสำเร็จฌานอภิญญามีพลังจิตเข้มขลัง ปรากฏการณ์ที่ทำให้ชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก็คือ สามารถอธิษฐานจิตปลุกเสกจนน้ำมนต์เทไม่ออก วัตถุมงคลต่างๆที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสก มีพุทธคุณครบเครื่องทุกๆด้าน แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือ เมตตามหานิยม ปัจจุบันวัตถุมงคลชุดสำคัญๆของท่านเริ่มเป็นที่นิยมและสะสมกันมากขึ้น นอกจากพระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆแล้ว น้ำพระพุทธมนต์ แป้งเจิม มงคลสวมคอ การผูกหุ่นพยนต์ และสาริกาลิ้นทอง เป็นวิชาเฉพาะตัวที่หลวงพ่อทำได้ขลังยิ่งนัก
    มาดูประสบการณ์น่ากลัวอีกอันหนึ่งของคุณสุณี จินสมาน อาชีพรับเหมาถมดิน บ้านอยู่ละแวกบางแคนี่เอง
    คุณสุณีได้เล่าเรื่องนี้ให้กรรมการวัดฟังขณะรอหลวงพ่อออกจากจำวัดในบ่ายวันหนึ่ง
    คุณสุณีเล่าว่าได้ไปรับเหมาถมดินที่ดำเนินสะดวก
    ขากลับได้ขับรถผ่านโค้งดำเนิน ถูกดักยิงด้วยปืนอาก้า รถพรุนทั้งคัน
    คนขับรถถูกกระสุนที่หัวเข่านัดหนึ่ง
    รถปิคอัพที่ถูกยิงมีอาการสำลักจะดับมิดับแหล่ แต่ก็แล่นเลยมาได้อีก 200 เมตร จึงจอดสนิท
    คุณสุณีทิ้งรถและประคองคนขับหลบหนีลงข้างทาง
    คนร้าย 2 คนถือปืนอาก้าวิ่งตามมา แปลกที่คนร้ายทั้ง 2 หาตัวคุณสุณีและคนขับรถไม่พบ ทั้งๆที่เดินวนเวียนอยู่ใกล้ๆตัวขนาดมือเอื้อมถึง
    ได้ยินเสียงบ่นของคนร้ายว่า
    “มันหายไปได้ไงวะ”
    พวกนั้นค้นหาอยู่ราว 15 นาทีก็เลิกและหนีไป
    คุณสุณีแขวนเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อแช่มเพียงเหรียญเดียว
    อีกรายหนึ่งคือ คุณจิ๋งไล้ แซ่ตั้ง อยู่บ้านเลขที่ 31 หลังสถานีรถไฟนครปฐม
    คุณจิ๋งไล้ได้พบคนจีนด้วยกันคนหนึ่ง อ้างว่าแซ่ตั้งเหมือนกัน และคนจีนคนนั้นได้ขอให้คุณจิ๋งไล้ช่วยหางานให้ทำ
    คุณจิ๋งไล้ได้ตกลงจะให้ทำงานขายอะไหล่เรือน้ำเค็ม และได้พาชาวจีนคนนั้นมาที่โกดังเก็บของ
    พอได้ทีเผลอ คนแซ่ตั้งคนใหม่ก็ออกลาย คว้าขวดตีหัวคุณจิ๋งไล้ข้างหลัง ขวดแตกละเอียด
    พอคุณจิ๋งไล้หันกลับมา คนจีนคนนั้นก็คว้าจอบที่วางอยู่ใกล้ขึ้นมาสับใส่ร่างกายคุณจิ๋งไล้จนล้มลง และสับซ้ำซากจนแน่ใจว่าตายสนิท
    ต่อจากนั้นได้ปลดทรัพย์คุณจิ๋งไล้ไปจนหมด รวมแล้วมีทรัพย์สินที่ถูกปล้นไปดังนี้ สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท นาฬิกาเรือนทองคำหนัก 3 บาท
    คุณจิ๋งไล้ฟื้นขึ้นมาภายหลัง ยังสามารถประคองตัวเองกลับบ้านได้
    ภรรยาคุณจิ๋งไล้นำความเข้าแจ้งตำรวจให้ติดตามจับตัวคนร้ายรายนั้น และนำตัวส่งโรงพยาบาลธนบุรี
    แพทย์ตรวจอาการแล้วบอกว่าไม่เป็นไร นอกจากฟกช้ำดำเขียวเท่านั้น
    และแพทย์แสดงความแปลกใจว่า ถูกจอบสับจนทั่วตัวอย่างนี้ทำมีแผลแค่เลือดซิบ ๆ
    แพทย์ท่านนั้นคงสนใจเรื่องวัตถุมงคลเหมือนกัน เพราะว่าได้ถามคุณจิ๋งไล้ว่ามีอะไรดีหรือ
    พอทราบว่าคุณจิ๋งไล้แขวนเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อแช่มก็ร้องว่าหลวงพ่อแน่จริง ๆ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ผ้ายันต์หลวงพ่อแช่มวัดดอนยายหอม รุ่น ๑ ขนาดบูชา สภาพ ติดตามฝาบ้าน มีรอยขาด กาว ติดผ้า เปื้อน โทรม ไม่สวย แต่รุ่น ๑
    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20250317_113641.jpg IMG_20250317_113709.jpg IMG_20250317_113720.jpg IMG_20250317_113737.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,956
    ค่าพลัง:
    +21,368

    พระอาจารย์ธรรมโชติ เดิมชื่อ โชติ ขณะบวชได้ฉายาทางธรรมว่า ธรรมโชติรังษี พื้นเพเป็นชาวเมืองสุพรรณ ในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย บวชเรียนแล้วจำพรรษา เป็นเจ้าอาวาสอยู่ ณ วัดเขาขึ้นหรือเขานางบวช ท่านมีความรู้ด้านวิชากสิณ ด้านวิชาอาคมที่แก่กล้า ด้วยทั้งพรรษาและวิชาต่างๆที่ได้ศึกษาฝึกพร่ำร่ำเรียนมา ใครเห็นล้วนแต่เกิดศรัทธา

    พระอาจารย์ธรรมโชติ ตามประวัติเดิม พำนักอาศัยอยู่ ณ วัดเขานางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ต่อมาชาวบ้านบางระจันได้อาราธนาไปพำนักอยู่ ณ วัดโพธิ์เก้าต้น จังหวัดสิงห์บุรีด้วยเหตุที่พระอาจารย์ธรรมโชติมีวิทยาอาคมสูง และได้ลงวิทยาอาคมกับผ้าประเจียด ตะกรุดพิสมร แจกจ่ายให้กับนักรบค่ายบางระจันสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงพระนิพนธ์ในหนังสือไทยรบพม่าว่า พระอาจารย์ธรรมโชตินั้นได้หายสาบสูญไปหรือจะมรณภาพในเวลาเสียค่ายแก่พม่า หรือหนีรอดไปได้หาปรากฏไม่[ แต่ตามความเชื่อและตำนานท้องถิ่นของชาวจังหวัดสุพรรณบุรีเล่าสืบต่อกันมาว่า เมื่อค่ายบางระจันมีทีท่าว่าจะแตก ลูกศิษย์ใกล้ชิดพระอาจารย์ธรรมโชติก็ได้นิมนต์ท่านหลบหนีออกจากค่าย

    สุดท้ายลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง (ซึ่งไม่มากนัก เพื่อไม่ให้เป็นการแลดูน่าสงสัยแก่ผู้พบเห็นทั่วไป) ได้พาท่านออกมาจากค่ายบางระจัน ชั่วครู่ก่อนค่ายจะแตก แล้วลี้ภัยข้าศึกอยู่ในป่าเขาลำนำไพรจวบจนสงครามสงบจึงกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเขานางบวช บ้างก็ว่าหลังจากออกจากค่ายบางระจันมา ท่านก็ไม่ไปหลบอยู่ที่ไหน แต่ขอกลับมาอยู่วัดเขานางบวช วัดเดิมที่ท่านเคยจำพรรษาอยู่ โดยลูกศิษย์ทำช่องลับไว้ให้ท่านหลบอยู่บริเวณวิหารของท่าน (ซึ่งปัจจุบันยังคงอยู่) ไว้ให้ท่านนั่งเจริญสมาธิกรรมฐาน บำเพ็ญกุศล บำเพ็ญเพียรโปรดแก่เหล่าสรรพสัตว์ วิญญาณวีรชน และชาวบ้านบางระจัน

    พระขุนแผนเนื้อดินผสมผง หลังพระอาจารย์ธรรมโชติ วัดเขานางบวช
    สร้างปี 2520 ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีพร้อมคณะกรรมการได้เดินทางไปประกอบพิธีบวงสรวงและขออนุญาตต่อดวงวิญญาณของพระอาจารย์ธรรมโชติ ณ วัดเขานางบวช พร้อมทั้งยังขอขมาและขออนุญาตพระอาจารย์ธรรมโชติเพื่อขุดดินในวิหารที่พระ อาจารย์ธรรมโชตินั่งวิปัสสนาเอา ไปเป็นมวลสารด้วย ได้จัดพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2520 ที่วัดเขานางบวช
    พระขุนแผนชุดนี้ มี 3 พิมพ์ครับ พิมพ์ซุ้มกนก พิมพ์ซุ้มวหาร พิมพ์ซุ้มลูก
    พิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2520 ที่วัดเขานางบวช โดยพระเกจิอาจารย์ที่มาร่วมพิธีอาทิเช่น
    หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ
    หลวงพ่อทรัพย์ วัดตลุก
    หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม
    หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง
    หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย
    หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช
    หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
    หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม
    หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์
    หลวงพ่อเจริญ วัดธัญญวารี
    หลวงพ่อทองหยด วัดชีสุขเกษม
    หลวงพ่อทองหยด วัดวังจิก
    หลวงพ่อสม วัดดอนบุพผาราม
    หลวงพ่อสุบิน วัดท่าช้าง
    หลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย
    หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว
    หลวงพ่อเพียว วัดโพธิ์ทองเจริญ
    หลวงพ่อไสว วัดเขาพระ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา
    500 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20250316_205553.jpg IMG_20250316_205617.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2025 at 12:36
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,956
    ค่าพลัง:
    +21,368
    1742191705778.jpg

    ชีวประวัติ พระอธิการเกษม (อั๊บ) เขมจาโร วัดท้องไทร จ.นครปฐม
    พระอธิการเกษม เขมจาโร หรือหลวงปู่อั๊บ ถือกำเนิดในตระกูล “ทิมมัจฉา” เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๔๖๕ ที่บ้านแหลมบัว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นบุตรคนโตในบรรดาพี่น้อง ๑๒ คน ดังนั้นจึงต้องรับหน้าที่ดูแลน้องๆ และช่วยพ่อแม่ทำไร่นาเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว
    การศึกษา
    เมื่อหลวงปู่อายุได้ ๒๐ ปีท่านได้ตัดสินใจอุปสมบทตามแบบแผนประเพณีโบราณ โดยอุปสมบท ณ วัดทุ่งน้อย มี “หลวงพ่อมา” เกจิอาจารย์อาคมขลังเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชแล้วหลวงปู่ได้มาจำพรรรษาอยู่ที่วัดท้องไทร ๙ ปี หลังจากนั้นท่านจึงเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆ และไปจำพรรษาอยู่ที่วัดใหม่ต้านทาน อำเภอบ้างซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ราว ๑๓ ปี แล้วย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดวังชะโด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีก ๒ ปี จนกระทั่งปี ๒๕๐๘ หลวงพ่อจึงกลับมายังวัดท้องไทรและอยู่ที่วัดท้องไทรจนถึงปัจจุบัน ซึ่งหลวงปู่ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดเมื่อ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๑๓ปรากฏตามตราตั้งเจ้าอาวาส และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อ พ.ศ. ๑๕๑๔
    ครูบาอาจารย์ของหลวงปู่อั๊บ
    หลวงปู่อั๊บท่านเป็นผู้ที่สนใจวิชาอาคมมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นฆราวาส ครูบาจารย์ของท่านมีทั้งที่เป็นพระ และฆราวาส มีดังนี้
    1.หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา
    2.หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    3.หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง
    4.หลวงพ่อโบ้ย วัดวังมะนาว
    5.หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง
    6.ก๊งสุข
    7.โยมถ่าย
    หลวงพ่ออั้บ วัดท้องไทร จ.นครปฐม เมตตานำหน้า แคล้วคลาดตามมาแม้ว่าชื่อเสียงของพระอธิการเกษม หรือหลวงพ่ออั้บ เขมจาโร เจ้าอาวาสวัดท้องไทร อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม จะยังมิโด่งดังเกรียวกราวเหมือนกับพระเกจิอาจารย์รูปอื่นๆ ในจังหวัดนครปฐม หากแต่วัตรปฏิบัติ และการช่วยเหลือญาติโยม ที่เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายต่างๆ รวมทั้งวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกนั้น เป็นสิ่งที่ลูกศิษย์ลูกหาตระหนักดี ถึงเกียรติคุณดังกล่าวของท่าน อาจเรียกได้ว่าหลวงพ่ออั้บท่านเป็นพระเกจิที่ดังแบบเงียบๆ ก็ว่าได้หลวงพ่ออั้บเป็นศิษย์ที่สืบทอดวิชา คาถาอาคมมาจากหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ต้นตำรับเหรียญหล่อหน้าเสือที่มากพุทธคุณ วัตถุมงคลที่โด่งดังอย่างหนึ่งของหลวงพ่ออั้บ คือ ตะกรุดกันงู นอกจากนี้ หลวงพ่ออั้บยังสนใจศึกษาตำรายาสมุนไพรไทย และท่านก็ได้นำมาใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น มะเร็ง อัมพฤกษ์ อัมพาต ฯลฯ จวบจนปัจจุบัน ซึ่งท่านได้เมตตาให้สัมภาษณ์ ดังนี้...
    หลวงพ่อไปเรียนวิชาคาถาอาคมจากพระอาจารย์ท่านไหนบ้าง ?
    ก็เรียนมาจากหลายอาจารย์หลวงพ่อได้เรียนวิชาจากหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา ด้วยใช่มั้ยครับ ?
    -เคยไปเรียนกับท่าน สมัยนั้น อาตมาไปจำพรรษา อยู่วัดใหม่ต้านทาน จ.พระนครศรีอยุธยา พอออกพรรษาก็เดินทางไปเรียนวิชาอยู่กับท่านที่วัดธรรมศาลา พอถึงช่วงเข้าพรรษาก็กลับมาจำพรรษาที่วัดใหม่ต้านทาน พอออกพรรษาก็ไปเรียนวิชาอยู่กับท่านที่วัดธรรมศาลา ก็เรียนอยู่ประมาณ ๒ ปี
    หลวงพ่อถือเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อน้อยเลยหรือเปล่าครับ ?
    -ไม่เอกหรอก เพราะมีลูกศิษย์มาเรียนวิชากับท่านเป็นจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน ใครเรียนได้ก็เรียน ใครเรียนไม่ได้ก็ไม่ได้เรียน เรียกว่าอยู่ที่ความสามารถของแต่ละคน เพราะท่านไม่ได้มานั่งสอนแบบเรียนหนังสือ ใครอยากเรียนท่านก็ส่งหนังสือให้ไปศึกษากันเอาเอง อาตมาเลือกเรียน ขึ้นอยู่กับความพอใจ โดยจะเลือกเรียนเอาแต่วิชาที่ดี สิ่งไหนเป็นวิชาไม่ดีอาตมาก็ไม่เรียน
    ตอนนั้นหลวงพ่อเลือกเรียนวิชาอะไรบ้างครับ ?
    -ก็เรียนหลายอย่าง แต่อาตมาจะเน้นทางด้านเมตตามหานิยม
    ทำไมหลวงพ่อจึงเน้นเฉพาะเมตตาล่ะครับ !
    อาตมาคิดว่าเมื่อคนเรามีเมตตา อย่างอื่นๆ ก็จะตามมาเอง
    แต่หลวงพ่อน้อย ท่านดังทางหนังเหนียว และแคล้วคลาดคงกระพันไม่ใช่เหรอครับ !
    แม้ว่าท่านจะเก่งในเรื่องคงกระพัน แต่ทุกวิชาที่ได้เรียนก็จะมีพุทธคุณ ด้านเมตตานำมาเป็นอันดับแรกตลอด ไม่ว่าจะเป็นวิชาอะไรก็จะต้องนำด้วยเมตตา แต่ก็จะแฝงไว้ด้วยคงกระพัน จริงๆ เป็นพระท่านจะไม่บอกหรอกว่า ของที่ให้ไปใช้จะเป็นคงกระพัน เขาไม่ค่อยบอกกัน เพราะอาจมองว่าเป็นการโอ้อวดเกินไป
    การเรียนวิชาอาคมสมัยนั้น มีความยากง่ายอย่างไร ?
    -ก็เรียนยากเหมือนกัน เพราะเป็นวิชาต้อง ท่องจำตัวคาถาให้ได้เสียก่อน แล้วต้องนั่งภาวนาไป ซึ่งเป็นวิชาคนละแขนงกันกับการนั่งสมาธิที่ทำให้จิตใจสงบ ทำให้มีสติสัมปชัญญะเท่านั้น อาตมาจะเปรียบเทียบให้ฟังระหว่างการนั่งภาวนา กับการนั่งสมาธิที่ปฏิบัติกันไปคนละทาง เหมือนกับเรากินยารักษาโรค ที่มียารักษาที่แตกต่างกัน เป็นตัวยาเฉพาะอย่าง กินร่วมกันไม่ได้
    หลวงพ่อน้อยได้ชี้แนะเรื่องวิชาอาคมให้หลวงพ่ออย่างไรบ้างครับ ?
    -ท่านไม่ได้ชี้แนะอะไรเลย เพียงแต่ให้ลูกศิษย์ ที่เรียนกับท่านท่องจำคาถาให้ได้ แล้วก็มาสอบกับท่าน ใครท่องคาถาได้หมด ก็ถือว่าสอบผ่าน และสำเร็จวิชาของท่านแล้ว ตามความเป็นจริง วิชาเหล่านี้ใครก็สามารถมาเรียนได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ
    คนที่เป็นฆราวาส กับคนที่บวชเป็นพระสงฆ์ ถ้าไปเรียนวิชาอาคมเหมือนกันความขลังความศักดิ์สิทธิ์จะแตกต่างกันหรือไม่ ?
    -อาตมาคิดว่า ความขลังความศักดิ์สิทธิ์ไม่น่าแตกต่างกันนะ เพราะสิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับเจตนาของคนที่ไปเรียนวิชามากกว่า
    นอกจากหลวงพ่อน้อยแล้ว หลวงพ่อยังไปเรียนวิชากับอาจารย์ที่ไหนอีกครับ ?
    -นอกจากหลวงพ่อน้อย อาตมาก็ได้เรียนวิชารดน้ำมนต์กับครูหัน จ.ร้อยเอ็ด ตอนนี้อาตมาไม่ค่อยได้ท่องคาถา พอนานๆ ท่องที มันก็ลืม (หัวเราะ)
    แล้ว "ตะกรุดกันงู" ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ หลวงพ่อไปเรียนมาที่ไหนครับ ?
    -อาตมาได้เรียนมาจากฆราวาสคนหนึ่งชื่อโยมถ่าย อาศัยอยู่รอยต่อระหว่างชายแดนไทยกับเขมร เพราะอาตมาไม่สามารถเข้าไปในเขมรได้ เนื่องจากสมัยนั้นยังมีสงครามเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง วิชาตะกรุดกันงูนี้เขาไม่ค่อยให้กันหรอก เพราะเขาหวงวิชากันมาก กว่าอาตมาจะได้วิชานี้มาใช้เวลาอยู่ ๗ ปี ที่อาตมาเดินเท้าไปหาระหว่างวัดกับที่บ้านโยมถ่าย
    สาเหตุที่โยมถ่ายไม่ยอมให้วิชาเป็นเพราะอะไร เคยถามเขาไหมครับ ?
    -อาตมาก็เคยถามเขาบอกเหมือนกันว่า สาเหตุที่หวงวิชา เนื่องจากเกรงว่าอาตมาเรียนวิชาไปแล้วก็เอาไปหากิน ไม่ได้เอาวิชาไปช่วยเหลือคนที่ทุกข์ยากอย่างแท้จริง และก็กลัวว่าอาตมาจะเอาวิชาไปใช้ในทางที่ไม่ดี การให้วิชากับใครเขาต้องมั่นใจว่าไม่เอาไปหากิน และเห็นความวิริยะ อุตสาหะของตัวอาตมา โยมถ่ายถึงยอมให้วิชาตะกรุดกันงู
    ตะกรุดกันงูมีสรรพคุณอย่างไร ?
    -บางคนมีตะกรุดกันงูเอาไว้กับตัว พอเดินไปเหยียบงูมันก็ไม่กัด บางครั้งเจองูบางตัวมันก็สู้คนเหมือนกัน แต่ทำอะไรเราไม่ได้ โดยเฉพาะงูพิษทั้งหลาย เช่น งูจงอาง งูเห่า มันจะอ้าปากไม่ได้เลย แต่ถ้าเป็นงูไม่มีพิษมันอ้าปากออก
    นอกจากกันงูแล้ว ยังมีสรรพคุณอะไรอีกบ้าง ?
    -โยมถ่ายก็ไม่ได้บอกว่านอกจากจะเป็นตะกรุดที่กันงูได้แล้ว พุทธคุณยังสามารถกันอย่างอื่นได้อีกหรือไม่ เขาก็ไม่บอก เพียงแต่ให้นึกเอาเองเหมือนที่หลวงพ่อน้อยบอกว่าให้นึกเอาว่า จะต้องการแคล้วคลาด คงกระพัน ทุกวันนี้อาตมาก็ยังไม่รู้ว่าพุทธคุณนั้นดีอย่างไร ก็ต้องลองเอาไปใช้ดู
    หลวงพ่ออั้บ วัดท้องไทร จ.นครปฐม เมตตานำหน้า แคล้วคลาดตามมาแม้ว่าชื่อเสียงของพระอธิการเกษม หรือหลวงพ่ออั้บ เขมจาโร เจ้าอาวาสวัดท้องไทร อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม จะยังมิโด่งดังเกรียวกราวเหมือนกับพระเกจิอาจารย์รูปอื่นๆ ในจังหวัดนครปฐม หากแต่วัตรปฏิบัติ และการช่วยเหลือญาติโยม ที่เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายต่างๆ รวมทั้งวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกนั้น เป็นสิ่งที่ลูกศิษย์ลูกหาตระหนักดี ถึงเกียรติคุณดังกล่าวของท่าน อาจเรียกได้ว่าหลวงพ่ออั้บท่านเป็นพระเกจิที่ดังแบบเงียบๆ ก็ว่าได้หลวงพ่ออั้บเป็นศิษย์ที่สืบทอดวิชา คาถาอาคมมาจากหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ต้นตำรับเหรียญหล่อหน้าเสือที่มากพุทธคุณ วัตถุมงคลที่โด่งดังอย่างหนึ่งของหลวงพ่ออั้บ คือ ตะกรุดกันงู นอกจากนี้ หลวงพ่ออั้บยังสนใจศึกษาตำรายาสมุนไพรไทย และท่านก็ได้นำมาใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น มะเร็ง อัมพฤกษ์ อัมพาต ฯลฯ จวบจนปัจจุบัน ซึ่งท่านได้เมตตาให้สัมภาษณ์ ดังนี้...
    หลวงพ่อไปเรียนวิชาคาถาอาคมจากพระอาจารย์ท่านไหนบ้าง ?
    ก็เรียนมาจากหลายอาจารย์หลวงพ่อได้เรียนวิชาจากหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา ด้วยใช่มั้ยครับ ?
    -เคยไปเรียนกับท่าน สมัยนั้น อาตมาไปจำพรรษา อยู่วัดใหม่ต้านทาน จ.พระนครศรีอยุธยา พอออกพรรษาก็เดินทางไปเรียนวิชาอยู่กับท่านที่วัดธรรมศาลา พอถึงช่วงเข้าพรรษาก็กลับมาจำพรรษาที่วัดใหม่ต้านทาน พอออกพรรษาก็ไปเรียนวิชาอยู่กับท่านที่วัดธรรมศาลา ก็เรียนอยู่ประมาณ ๒ ปี
    หลวงพ่อถือเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อน้อยเลยหรือเปล่าครับ ?
    -ไม่เอกหรอก เพราะมีลูกศิษย์มาเรียนวิชากับท่านเป็นจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน ใครเรียนได้ก็เรียน ใครเรียนไม่ได้ก็ไม่ได้เรียน เรียกว่าอยู่ที่ความสามารถของแต่ละคน เพราะท่านไม่ได้มานั่งสอนแบบเรียนหนังสือ ใครอยากเรียนท่านก็ส่งหนังสือให้ไปศึกษากันเอาเอง อาตมาเลือกเรียน ขึ้นอยู่กับความพอใจ โดยจะเลือกเรียนเอาแต่วิชาที่ดี สิ่งไหนเป็นวิชาไม่ดีอาตมาก็ไม่เรียน
    ตอนนั้นหลวงพ่อเลือกเรียนวิชาอะไรบ้างครับ ?
    -ก็เรียนหลายอย่าง แต่อาตมาจะเน้นทางด้านเมตตามหานิยม
    ทำไมหลวงพ่อจึงเน้นเฉพาะเมตตาล่ะครับ !
    อาตมาคิดว่าเมื่อคนเรามีเมตตา อย่างอื่นๆ ก็จะตามมาเอง
    แต่หลวงพ่อน้อย ท่านดังทางหนังเหนียว และแคล้วคลาดคงกระพันไม่ใช่เหรอครับ !
    แม้ว่าท่านจะเก่งในเรื่องคงกระพัน แต่ทุกวิชาที่ได้เรียนก็จะมีพุทธคุณ ด้านเมตตานำมาเป็นอันดับแรกตลอด ไม่ว่าจะเป็นวิชาอะไรก็จะต้องนำด้วยเมตตา แต่ก็จะแฝงไว้ด้วยคงกระพัน จริงๆ เป็นพระท่านจะไม่บอกหรอกว่า ของที่ให้ไปใช้จะเป็นคงกระพัน เขาไม่ค่อยบอกกัน เพราะอาจมองว่าเป็นการโอ้อวดเกินไป
    การเรียนวิชาอาคมสมัยนั้น มีความยากง่ายอย่างไร ?
    -ก็เรียนยากเหมือนกัน เพราะเป็นวิชาต้อง ท่องจำตัวคาถาให้ได้เสียก่อน แล้วต้องนั่งภาวนาไป ซึ่งเป็นวิชาคนละแขนงกันกับการนั่งสมาธิที่ทำให้จิตใจสงบ ทำให้มีสติสัมปชัญญะเท่านั้น อาตมาจะเปรียบเทียบให้ฟังระหว่างการนั่งภาวนา กับการนั่งสมาธิที่ปฏิบัติกันไปคนละทาง เหมือนกับเรากินยารักษาโรค ที่มียารักษาที่แตกต่างกัน เป็นตัวยาเฉพาะอย่าง กินร่วมกันไม่ได้
    หลวงพ่อน้อยได้ชี้แนะเรื่องวิชาอาคมให้หลวงพ่ออย่างไรบ้างครับ ?
    -ท่านไม่ได้ชี้แนะอะไรเลย เพียงแต่ให้ลูกศิษย์ ที่เรียนกับท่านท่องจำคาถาให้ได้ แล้วก็มาสอบกับท่าน ใครท่องคาถาได้หมด ก็ถือว่าสอบผ่าน และสำเร็จวิชาของท่านแล้ว ตามความเป็นจริง วิชาเหล่านี้ใครก็สามารถมาเรียนได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ
    คนที่เป็นฆราวาส กับคนที่บวชเป็นพระสงฆ์ ถ้าไปเรียนวิชาอาคมเหมือนกันความขลังความศักดิ์สิทธิ์จะแตกต่างกันหรือไม่ ?
    -อาตมาคิดว่า ความขลังความศักดิ์สิทธิ์ไม่น่าแตกต่างกันนะ เพราะสิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับเจตนาของคนที่ไปเรียนวิชามากกว่า
    นอกจากหลวงพ่อน้อยแล้ว หลวงพ่อยังไปเรียนวิชากับอาจารย์ที่ไหนอีกครับ ?
    -นอกจากหลวงพ่อน้อย อาตมาก็ได้เรียนวิชารดน้ำมนต์กับครูหัน จ.ร้อยเอ็ด ตอนนี้อาตมาไม่ค่อยได้ท่องคาถา พอนานๆ ท่องที มันก็ลืม (หัวเราะ)
    แล้ว "ตะกรุดกันงู" ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ หลวงพ่อไปเรียนมาที่ไหนครับ ?
    -อาตมาได้เรียนมาจากฆราวาสคนหนึ่งชื่อโยมถ่าย อาศัยอยู่รอยต่อระหว่างชายแดนไทยกับเขมร เพราะอาตมาไม่สามารถเข้าไปในเขมรได้ เนื่องจากสมัยนั้นยังมีสงครามเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง วิชาตะกรุดกันงูนี้เขาไม่ค่อยให้กันหรอก เพราะเขาหวงวิชากันมาก กว่าอาตมาจะได้วิชานี้มาใช้เวลาอยู่ ๗ ปี ที่อาตมาเดินเท้าไปหาระหว่างวัดกับที่บ้านโยมถ่าย
    สาเหตุที่โยมถ่ายไม่ยอมให้วิชาเป็นเพราะอะไร เคยถามเขาไหมครับ ?
    -อาตมาก็เคยถามเขาบอกเหมือนกันว่า สาเหตุที่หวงวิชา เนื่องจากเกรงว่าอาตมาเรียนวิชาไปแล้วก็เอาไปหากิน ไม่ได้เอาวิชาไปช่วยเหลือคนที่ทุกข์ยากอย่างแท้จริง และก็กลัวว่าอาตมาจะเอาวิชาไปใช้ในทางที่ไม่ดี การให้วิชากับใครเขาต้องมั่นใจว่าไม่เอาไปหากิน และเห็นความวิริยะ อุตสาหะของตัวอาตมา โยมถ่ายถึงยอมให้วิชาตะกรุดกันงู
    ตะกรุดกันงูมีสรรพคุณอย่างไร ?
    -บางคนมีตะกรุดกันงูเอาไว้กับตัว พอเดินไปเหยียบงูมันก็ไม่กัด บางครั้งเจองูบางตัวมันก็สู้คนเหมือนกัน แต่ทำอะไรเราไม่ได้ โดยเฉพาะงูพิษทั้งหลาย เช่น งูจงอาง งูเห่า มันจะอ้าปากไม่ได้เลย แต่ถ้าเป็นงูไม่มีพิษมันอ้าปากออก
    นอกจากกันงูแล้ว ยังมีสรรพคุณอะไรอีกบ้าง ?
    -โยมถ่ายก็ไม่ได้บอกว่านอกจากจะเป็นตะกรุดที่กันงูได้แล้ว พุทธคุณยังสามารถกันอย่างอื่นได้อีกหรือไม่ เขาก็ไม่บอก เพียงแต่ให้นึกเอาเองเหมือนที่หลวงพ่อน้อยบอกว่าให้นึกเอาว่า จะต้องการแคล้วคลาด คงกระพัน ทุกวันนี้อาตมาก็ยังไม่รู้ว่าพุทธคุณนั้นดีอย่างไร ก็ต้องลองเอาไปใช้ดู
    เรื่องความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อจะอธิบายอย่างไร ?
    -เรื่องราวของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ มันเป็นเรื่องที่อธิบายยากเหมือนกัน เป็นการอธิบายให้ฟังอย่างเข้าใจ ก็ไม่ง่ายเช่นกัน เป็นสิ่งที่เขารู้กันได้ด้วยตัวเอง ถ้าคนเหล่านั้นนำวัตถุมงคลไปใช้แล้วท่องในใจว่าเมตตา เมตตา มันก็จะดีเอง
    หลวงพ่อเริ่มสร้างวัตถุมงคลตั้งแต่ปีไหน ?
    -เริ่มแรกอาตมาสร้าง วัตถุมงคลเป็นเหรียญรุ่น ๑ พ.ศ.๒๕๐๙ ที่สร้างเหรียญขึ้นมา ในสมัยนั้น เพราะอาตมาอยากลองใช้วิชาคาถาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมาบ้างก็เท่านั้น เลยทำเหรียญแจกให้ญาติโยมนำไปใช้ แต่มีญาติโยมมาบริจาคเหมือนกัน ปัจจัยที่ได้ก็นำไปสมทบทุนสร้างอุโบสถให้กับทางวัด
    หลวงพ่อปลุกเสกเหรียญรุ่น ๑ อย่างไรบ้าง ?
    -อาตมาปลุกเสกคนเดียวตลอดพรรษา เสร็จแล้วก็แจกให้กับลูกศิษย์นำไปใช้ วัตถุมงคลของอาตมาทุกอย่าง จะต้องปลุกเสกอย่างน้อย ๑ ไตรมาส เพราะอาตมาคิดว่าถ้าปลุกเสกเพียงระยะเวลาสั้นๆ ความขลังความศักดิ์สิทธิ์อาจไม่ดีเท่ากับการปลุกเสกตลอดไตรมาส เพราะการปลุกเสกหลายวันทำให้มีการอัดพลังได้มากกว่าการปลุกเสกวันเดียว อาตมาจึงเลือกปลุกเสกวัตถุมงคลเป็นพรรษามากกว่าวันเดียว
    แล้วอย่างพิธีมหาพุทธาภิเษกที่นิมนต์พระเกจิอาจารย์มาร่วมปลุกเสกหลายๆ รูป จะมีความขลังกว่าการปลุกเสกรูปเดียวหรือเปล่าครับ ?
    -การปลุกเสกเดี่ยวกับปลุกเสกหมู่ ความขลังที่ได้ก็ไม่แตกต่างกันหรอก การจัดพิธีใหญ่แบบนั้นมีพระเกจิหลายรูปมานั่งปลุกเสกพร้อมกัน การอัดพลังอาจมีมากตามไปด้วย ส่วนจะดีกว่าปลุกเสกเดี่ยวอย่างไรนั้น ต้องไปดูที่เหตุผลของการจัดพิธีปลุกเสกด้วย เพราะของแบบนี้มาทำเป็นของเล่นไม่ได้
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อมีมากมายหลายรุ่น ไม่ทราบว่าทางวัดสร้างเองทั้งหมดหรือเปล่าครับ ?
    -ทางวัดไม่ได้สร้างเอง แต่มีลูกศิษย์ที่มีความเคารพศรัทธาได้สร้างมาถวายให้กับทางวัด ของที่สร้างมาให้กับทางวัด กับของที่ทางวัดสร้างขึ้นมาเอง ความศักดิ์สิทธิ์ความขลังก็ไม่มีความแตกต่างกันหรอก ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ เบี้ยแก้ ตะกรุด ฯลฯ พุทธคุณมีไม่แตกต่างกัน เพราะการปลุกเสกใช้คาถาตัวเดียวกัน
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อรุ่นไหนขลังที่สุดครับ ?
    -อาตมาคิดว่าพุทธคุณไม่แตกต่างกันหรอก มันก็เหมือนๆ กัน ปลุกเสกเหมือนกัน
    หลวงพ่อทำเบี้ยแก้ด้วยเหรอครับ ?
    -ก็มีลูกศิษย์ทำมาให้อาตมาปลุกเสกเอาไว้ใช้กันเอง ส่วนตัวอาตมาไม่อยากทำเบี้ยแก้ เพราะไม่อยากทำแข่งกับหลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว ที่ท่านทำเบี้ยแก้ให้ลูกศิษย์ได้บูชา ถ้าอาตมาทำอีกก็อาจซับซ้อนกัน มันไม่ดี
    คนที่นำวัตถุมงคลของหลวงพ่อไปใช้ต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้างครับ ?
    -วัตถุมงคลที่ลูกศิษย์นำไปใช้จะดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับคนนำไปใช้ แต่ถามว่าคนเป็นโจรเอาไปใช้จะได้ผลไหม ตรงนี้ก็พูดยากเหมือนกันนะ เพราะคนที่มาเอาวัตถุมงคลไป ถ้าเขาไม่ได้บอกว่าเขาเป็นโจร มันดูไม่ออก เราก็ไม่รู้ คงไม่มีใครมาบอกว่าตัวเองเป็นโจร (หัวเราะ) อย่างไรก็ตาม วัตถุมงคลที่คนเอาไปใช้ คนดีกับคนไม่ดีเอาไปใช้ ผลออกมาจะแตกต่างกัน
    วัตถุมงคลจะมีส่วนช่วยให้คนไม่ดีกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้หรือไม่ ?
    -จะให้อาตมาไปบอกให้ทุกคนเอาวัตถุมงคลไปใช้ แล้วให้สร้างคุณงามความดีแบบนี้คงทำไม่ได้ เขาจะรู้กันเอง ซึ่งอาตมาจะให้เขานึกเอาเองมากกว่า จะให้อาตมาไปนึกแทนเขาไม่ได้หรอก ของแบบนี้มันอยู่ที่การปฏิบัติในตัวเองมากกว่า เพียงแต่ขอให้มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งก็พอแล้ว
    เครื่องรางของขลังนำไปลองว่าขลังหรือไม่ขลังได้ไหมครับ ?
    -การนำสิ่งเหล่านี้ไปลองในทางปฏิบัติถือว่าผิด ไม่ควรจะกระทำ เพราะการลองนั่นก็หมายความว่า คนเหล่านั้นไม่ให้ความเคารพ จะกลายเป็นการลบหลู่ไป
    หลวงพ่อยังสักยันต์ให้กับลูกศิษย์เองหรือเปล่าครับ ?
    -อาตมาจะสักยันต์ให้กับลูกศิษย์บ้างที่เขาอยากให้สัก แต่ถ้าเข้าพรรษาอาตมาจะไม่สัก พุทธคุณที่ลงไปของการสักยันต์ก็เน้นไปในทางเมตตามหานิยมเหมือนกับวัตถุมงคลต่างๆ ที่ทำนั่นแหละ อยู่ที่ว่าใครชอบของแบบไหนเอาไว้ติดตัวก็มีพุทธคุณเหมือนกัน จะให้อาตมาไปอวดเก่งว่าของที่ทำมันดี ไปบอกสรรพคุณก็จะเป็นการอวดอุตริไป เมื่อเราบอกว่าเราเก่ง ก็ยังมีคนเก่งกว่าเรา เหนือฟ้ายังมีฟ้า
    ที่วัดของหลวงพ่อ มีการรักษาโรคต่างๆ ด้วยยาสมุนไพรแผนโบราณด้วยเหรอครับ ?
    -การรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร ก็ต้องดูอาการภายนอกของโยมที่จะมารักษาเสียก่อน ว่าเกิดจากอุบัติเหตุ หรือเกิดเป็นมาจากธรรมชาติ โดยมีวิชาที่อาตมาเรียนมาจากหลายอาจารย์ ส่วนใหญ่เป็นวิชาที่ได้มาเมื่อครั้งเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ เจออาจารย์ท่านไหนก็ขอตำรามาศึกษา ไม่ว่าจะเป็นน้ำมนต์ไล่ของ (คุณไสย) อัมพฤกษ์ อัมพาต มะเร็ง เป็นการรักษาที่ผสมผสานระหว่างตัวยาสมุนไพร กับคาถาที่ได้ใส่เข้าไปรักษาด้วย
    หลวงพ่อเริ่มรักษาโรคด้วยยาสมุนไพรมานานแค่ไหนแล้ว ?
    -สมัยก่อนโรงพยาบาลหรือหมอที่จะให้ญาติโยม เดินทางไปรักษาเหมือนใน ยุคปัจจุบันมันก็ไม่มี การรักษาด้วยยาสมุนไพรจึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งอาตมาก็เริ่มรักษาโรคด้วยยาสมุนไพรมาเป็นเวลากว่า ๓๐ ปีแล้ว อย่างบางคนมาก็จะต้องรักษา ด้วยการแช่น้ำมนต์ตามตำราเป็นเวลา ๓ วัน วันละ ๓ ชั่วโมง
    ทุกวันนี้ประชาชนมาวัดในแต่ละวันมากน้อยแค่ไหน ?
    -ในแต่ละวัน ก็มีญาติโยมเดินทางมาวัดเป็นจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน บางคนก็มาให้รดน้ำมนต์รักษาโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต บางคนก็มาขอของขลัง บางคนถือไม้เท้า นั่งรถเข็นมา พอหายก็จะทิ้งไม้เท้าไว้ที่วัดกันเป็นจำนวนมาก
    การรักษาโรคให้แต่ละคนต้องใช้เวลานานแค่ไหนครับ ?
    -ก็แล้วแต่ว่าคนที่เป็นน้อย เป็นมากแค่ไหน บางคนรักษา ๓ วัน ๗ วัน บางคนต้องใช้เวลานานเป็นปีก็มี เพราะขึ้นอยู่กับ อาการของแต่ละคนว่าหนักเบาอย่างไรด้วย สิ่งเหล่านี้มันเกิดจากวิบากกรรม ของคนเรา เพราะคนเรามีอาการ ๓๒ จะต้องมีบางจุดที่เลือดวิ่งไป กดดันเส้นเลือดให้วิ่งไม่สม่ำเสมอ การกินยาสมุนไพรจึงเป็นหนทางเลือก ที่ช่วยให้ญาติโยมได้มีอาการเบาขึ้นแล้วก็ค่อยๆ หาย
    ตอนนี้หลวงพ่ออยากทำอะไรอีกบ้างหรือเปล่า ?
    -ยังอยากจะสร้างหอระฆังให้กับทางวัดให้เสร็จ แล้วอาตมาก็ยังซื้อที่ดินอีกประมาณ ๘ ไร่ เพื่อสร้างโรงเรียนหลังใหม่ให้กับทางโรงเรียนวัดท้องไทร การสร้างบุญสร้างกุศลเป็นการทำบุญร่วมกันก็ได้แบ่งบุญกันไป อะไรที่ยังทำให้กับ สังคมได้ อาตมาก็ยังอยากจะทำให้ตลอดจนสังขารที่ยังมีอยู่
    เรื่อง กวี สกาวไพร, สุทธิคุณ กองทอง
    ภาพ ประเสริฐ เทพศรี, ชาญณรงค์ พรดิลกรัตน์
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือน ๘๘ ปี หลวงพ่ออั๊บวัดท้องไทร
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250317_124701.jpg IMG_20250317_124719.jpg IMG_20250317_124638.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,956
    ค่าพลัง:
    +21,368
    4487476-4.jpg

    พระสมเด็จพระศาสดาผงจิตลดา สมเด็จพระญานสังวรสมเด็จพระสังมราชสกลมหาสังมปริณายก
    วัดบวรนิเวศวิหาร ปี 2538

    พระสมเด็จพระศาสดาผงจิตลดา สมเด็จพระญานสังวรสมเด็จพระสังมราชสกลมหาสังมปริณายก ทรงเป็นองค์ประธานประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ วิหารพระศาสดา
    วัดบวรนิเวศวิหาร วันที่ 19 สิงหาคม 2538 เวลา 10.29 น. และนิมนต์พระเกจิอาจารย์จะทั่วประเทศร่วมพิธี

    เนื่องด้วย วัดบ่อพลอย ต.บ่อไร่ อ.บ่อไร่ จ.ตราด เป็นวัดซึ่งอยู่ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ได้ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ 3 ชั้น ซึ่งประกอบด้วยชั้นล่างเป็นศาลาการเปรียญและศาลาอเนกประสงค์ ชั้นสอง
    เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม และห้องอบรมกรรมฐาน
    ชั้นสามเป็นอุโบสถอาคารทรงไทย โดย สมเด็จพระญาณสังวรฯ ทรงประธานวางศิลาฤกษ์อุโบสถวัดบ่อพลอยเมื่อ วันที่ 19 ธันวาคม ปี 2537
    ซึ่งยังขาดจตุปัจจัยอีกเป็นจำนวนมาก ทางคณะกรรมการจึงได้ปรึกษาหารือกันตรงกัน โดยดำริจัดสร้างพระผงสมเด็จพระศาสดาเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมบูชาหาจตุปัจจัย โดยได้ขอประทานอนุญาติจัดสร้างจากเจ้าพระคุณสมเด็จญาณสังวรฯ พร้อมกับขอประทานลายพระหัตถ์เพื่อ
    ประดิษฐานหลังองค์พระ และขอพระราชทานมวลสารต่างๆ เช่น
    -จีวร
    -ผงจิตรลดา
    -เส้นพระเกศา
    -โมเสสพระเจดีย์จากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม คราวบูรณะปฏิสังขรณ์ฉลองกรุงเทพฯ 200 ปี
    และผงพุทธคุณต่างๆอีกหลายอย่างมารวมเป็นมวล
    สาร เพื่อจัดสร้างพระผงสมเด็จพระศาสดาขึ้น เพื่อให้
    พระผงชุดนี้มีคุณค่ายิ่งขึ้นพระทุกองค์ได้ฝังโค้ตตัวนะ
    เป็นเงินแท้ไว้ด้านหลังองค์พระ


    พระสมเด็จศาสดา ญสส.เนื้อผงพุทธคุณ สมเด็จญาณสังวรฯหลังตราชั่งและหัวนะโม ปี2538 วัดบวรฯ กรุงเทพฯ
    สมเด็จพระญาณสังวร
    เกิด 3 ตุลาคม พ.ศ. 2456
    อุปสมบท พ.ศ. 2476
    พรรษา 77
    อายุ 98
    วัด วัดบวรนิเวศวิหาร
    จังหวัด กรุงเทพมหานคร
    สังกัด ธรรยุติกนิกาย
    วุฒิการศึกษา น.ธ.เอก,ป.ธ.๙
    ตำแหน่งทางคณะสงฆ์ สกลมหาสังฆปริณายก
    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2532 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
    พระสมเด็จศาสดา หลังตราชั่งและหัวนะโม รุ่น 2 (พิเศษ)ซึ่งเป็นรุ่นนิยม สร้างปี 2538 เป็นพระที่สมเด็จญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงอธิฏฐานจิต ในพิธีพุทธาภิเษกโดยพระเกจิหลายองค์ เช่น หลวงพ่ออุตตมะ หลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงพ่อเมี้ยน หลวงพ่อพูล เป็นต้น

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250317_131755.jpg IMG_20250317_131820.jpg IMG_20250317_131903.jpg IMG_20250317_131844.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2025 at 07:33
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,956
    ค่าพลัง:
    +21,368
    _100_168.jpg พระมงคลวิสุต.jpg 5dfec2e8d165f90d14938eb3_800x0xcover_e-y6wQoD.jpg 1742209735574.jpg 1742209761178.jpg 1742211008604.jpg 1390855-28288.jpg

    พระสมเด็จ วัดแจ้งพรหมนคร จ.สิงห์บุรี ด้านหลังฝังเม็ดพระธาตุ พิธีใหญ่
    พระคณาจาธย์ที่ร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกและอธิษฐานจิต
    1. หลวงปู่หน้อย วัดบ้านปง อ.แม้ริมจ.เซียงใหม่อายุ97 ปี
    2. หลวงปู่อินทร์ วัดฟ้าหลัง อ.สันบำตอง จ.เชียงใหม่ อายุ 93 ปี
    3. หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปีอ.สันบำตองจ.เชียงใหม่ อายุ 87 ปี
    4. ครูบาแสงหล้าวัดพระธาตุสองเมือง ประเทศพม่า
    5. ครูบาสร้อยวัดท่าสองยาง จ.ตาก
    6. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี อายุ 90 ปี
    7. หลวงพ่อเจ๊ก วัดระนาม สิงห์บุรี อายุ 98 ปี
    8. หลวงพ่อใบ วัดตึกราชา สิงห์บุรี อายุ 84 ปี
    9. หลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง สุพรรณบุรี
    10. หลวงพ่อแสวงสำนักสงฆ์ถ้ำตะพาบ อุทัยธานี
    11.หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรี
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    มี ๒ องค์ให้เลือกพิจารณา ให้บูชาองค์ละ 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    องค์ที่ ๑ (ปิดรายการ)

    IMG_20250317_175741.jpg IMG_20250317_175848.jpg

    องค์ที่ ๒

    IMG_20250317_175953.jpg IMG_20250317_180032.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,956
    ค่าพลัง:
    +21,368
    วันนี้ จัดส่ง

    1742227646326.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,956
    ค่าพลัง:
    +21,368
    FB_IMG_1742290440288.jpg 1742290683054.jpg
    สมเด็จพิมพ์ขาโต๊ะ หลัง ตราวัด พระครูลมูล (ส.พัฒนกิจ) วัดเสด็จ จ. ปทุมธานี ปี ๒๕๑๕
    พระครูสาทรพัฒนกิจ (หลวงพ่อลมูล) วัดเสด็จ อำเภอเมือง จ.ปทุมธานี ศิษย์เอกของหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ พระเกจิดังแห่งเมืองปทุมธานี ท่านเป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่นั่งปรกในพิธี "จักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก" ณ พระวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก ปี2515 หลวงพ่อลมูล ท่านเป็นยอดพระเกจิที่เก่งมากๆ พลังจิตของท่านดีมาก จนชาวบ้านยกย่องเป็นเทพเจ้าแห่งสวนพริกไทย หลวงพ่อละมูล ท่านเองก็ชอบสร้างพระสมเด็จเช่นกันครับ เหมือนอาจารย์ท่าน คือหลวงปู่เทียน โดยหลวงปู่เทียน นอกจากท่านจะสำเร็จวิชาการทำผงวิเศษ ๕ ประการ คือ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห และ ผงพุทธคุณ แล้ว ท่านยังเป็นพระที่สำเร็จวิชา “ผง ๑๒ นักษัตร์” ซึ่งเป็นผงที่เขียนลบมาจากยันต์ ๑๒ นักษัตร์ ทั้ง ๑๒ ปี ดังนั้น พระเนื้อผงของท่านจึงดีเด่นสูงค่าไปด้วยพระพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม อุดมโชคลาภ มีกินมีใช้ทุกปี ไม่ขัดสน เข้าได้กับทุกผู้คน ทุกปีเกิด สามารถป้องกันอันตรายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นตลอดเวลาที่มีพระเครื่องของท่านพกพาอาราธนาติดตัวอยู่ เวลาดวงชะตาตกต่ำ ก็จะค้ำจุนไม่ตกอับจนเกินไป เวลาดวงชะตารุ่งโรจน์ ก็จะเสริมดวงชะตาให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น หลวงปู่เทียนท่านได้ถ่ายทอดวิชาผง ๑๒ นักษัตร์นี้ให้แก่ศิษย์ คือ หลวงพ่อลมูล โดยหลวงพ่อลมูลท่านจะทำพิมพ์ให้ต่างจากหลวงปู่เทียน และท่านก็ลบผงพุทธคุณเองด้วยเช่นกัน พระท่านน่าแขวน รุ่นเก่าๆหาก็ไม่ค่อยง่ายเช่นกัน ทางพื้นที่นิยมกันมากครับ จำไว้ว่าตะกรุดที่ฝังจะไม่เรียบร้อยเช่นกัน ม้วนไม่ค่อยกลมนะครับ วัตถุมงคลของท่านนั้นสามารถใช้ป้องกันภัยอันตราย จากสัตว์มีพิษต่างๆ เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง สัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย ที่มีมากมายในสวนสมัยก่อนได้อย่างน่ามห้ศจรรย์ อีกทั้งยังมีพุทธคุณครบเครื่อง ไม่เป็นรองอาจารย์ของท่าน ทั้งคงกระพัน มหาอุด มหานิยม เมตตา โชคลาภ ลูกศิษย์ทั้งหลายล้วนทราบกันดี
    หลวงพ่อลมูล ขันติพโล วัดเสด็จ อ.เมือง จ.ปทุมธานี
    หลวงพ่อลมูล ขันติพโล หรือท่านพระครูสาทรพัฒนกิจ เจ้าอาวาสวัดเสด็จ ตำบลสวนพริกไทย อ.เมือง จ.ปทุมธานี ท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่มหาชนในยุคก่อนและยุคนี้ต่างก็ให้ความเคารพนับถือมากมาย หลวงพ่อลมูลท่านเป็นชาวมอญโดยกำเนิด เดิมชื่อลมูล จับจิตต์ เกิดวันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ.2458 แรม 5 ค่ำ ปีเถาะ บิดาชื่อ นายติ่ง มารดาชื่อ นางแม้น จับจิต ท่านเกิดที่หมู่ 4 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี มีพี่น้องด้วยกัน 6 คน ท่านเป็นคนที่ 2 ของครอบครัว เมื่อท่านอายุได้ 3 ขวบ ท่านได้ย้ายตามบิดามารดามาอยู่ในคลองบางใหญ่หมู่ที่ 1 ตำบลสวนพริกไทย อ.เมือง จ.ปทุมธานี เพราะโยมปู่เหลือ และโยมย่าแหวว จับจิตต์ ได้มอบมรดกที่ดินให้กับครอบครัวของท่านไว้ทำกิน ท่านจึงต้องย้ายมาอยู่ด้วย พอท่านอายุได้ 12 ปี โยมพ่อได้นำท่านไปฝากให้เรียนหนังสือกับ"พระอาจารย์ไม้" ที่วัดเสด็จ ท่านอยู่ได้ 1 ปี ทำให้ท่านได้ฝึกฝนนิสัยไปในทางอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักที่สูงที่ต่ำ ทั้งสิ่งที่ควรและไม่ควร ต่อมา "ครูชั้น ดำกลิ่น" ได้มาขอตัวท่านจากพระอาจารย์ไม้ไปเป็นศิษย์ โดยให้ไปเรียนหนังสือเพิ่มเติมที่วัดพระเชตุพน คณะ 20 ท่านศึกษาจนอ่านออกเขียนได้เป็นอย่างดี โดยสมัยนั้นสมเด็จป๋าสมเด็จพระสังฆราช(ปุ่น ปุ่ณณสิริ) ยังคงเป็นครูสอนภาษาบาลีอยู่ ณ สำนักแห่งนี้ แต่ในการเรียนต่อของท่านในขณะนั้นได้ชะงักลง เพราะเหตุที่โยมพ่อต้องการให้กลับมาช่วยดูแลทำนาเพื่อช่วยครอบครัว ท่านจึงต้องกลับมาทั้งๆที่เสียดายมาก หลังจากที่ท่านกลับมาอยู่บ้าน ท่านก็ได้ช่วยโยมพ่อทำนาพร้อมกับได้เริ่มเรียนหนังสือต่ออีก เพราะอายุท่านนั้นไม่พ้นเกณฑ์ยังอยู่ในภาคบังคับ ต้องเรียนหนังสือต่อ หลวงพ่อลมูลจึงเรียนที่วัดเสด็จซึ่งได้มีการเปิดโรงเรียนประชาบาลภาคบังคับขึ้น ท่านจึงได้เริ่มเรียนหนังสือตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาอีก ท่านเป็นนักเรียนคนที่ 38 ของโรงเรียนนี้ ท่านเรียนจนจบชั้นประถมปีที่ 3 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียนในสมัยนั้น หลังจากที่ไม่ได้เรียนแล้ว ท่านก็ได้ช่วยเหลือบิดา มารดาทำนา ตามความประสงค์จนอายุได้ 18 ปี บิดามารดาของท่านได้ขอให้ท่านแต่งงานเปรียบเสมือนโซ่ตรวนผูกมัดไม่ให้บวช อีกประการหนึ่งท่านต้องการศึกษาหาความรู้ใส่ตนให้มากขึ้นกว่านี้ ประกอบกับจิตใจของท่านฝังลึกว่า การบวชนั้นเปรียบเสมือนทางไปสวรรค์ที่จะสามารถบันดาลให้พ้นทุกข์ได้
    ความตั้งใจของหลวงพ่อลมูล ขันติพโล วัดเสด็จ จ.ปทุมธานี สัมฤทธิ์ผล คือโยมบิดา มารดา ไม่อาจขัดได้จึงได้นำท่านไปฝากเป็นนาคกับ พระอธิการเผือก สุกโก ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส วัดเสด็จ ในขณะนั้นหลวงพ่อลมูล ขันติพโล ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาโดยสมบูรณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2497 ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 7 เวลา 14 นาฬิกา 50 นาที ที่พระอุโบสถวัดเสด็จ โดยมีหลวงปู่เทียนหรือท่านพระครูบาวรธรรมกิจ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการเผือก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ไม้ รุกขโก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "ขันติพโลภิกขุ"
    หลังจากที่ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านได้ตั้งใจแน่วแน่ว่า ท่านจะเล่าเรียนพระธรรมวินัยตามระเบียบของวัด คือการเรียนพระปริยัติธรรมและจะตั้งใจปฏิบัติกิจในพระบวรพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัดตลอดชั่วชีวิต ในเพศพรหมจรรย์ของท่านจะขอถวายตัวเป็นพุทธบุตรผู้สืบต่อพระพุทธศาสนาไปจนชีวิตจะหาไม่ พรรษาแรกท่านก็ได้เรียนนักธรรมชั้นตรี พรรษาที่ 2 ท่านก็สอบนักธรรมชั้นตรีได้ ในพรรษาที่ 3 ท่านก็สอบนักธรรมชั้นโท แต่สอบตก ท่านจึงอธิษฐานจิตจะไม่ขอเรียนนักธรรมชั้นโท และนักธรรมชั้นเอกอีกต่อไป ท่านจะเปลี่ยนแนวทางมุ่งไปในทางปฏิบัติ เมื่อหลวงพ่อตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว ท่านก็ออกเดินธุดงค์ มุ่งหาความวิเวกตามป่าเขาลำเนาไพร แต่ก่อนเดินธุดงค์นั้นท่านได้ขอไปฝึกกรรมฐานเพิ่มเติมจาก หลวงปู่เทียน พระอาจารย์ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน ซึ่งท่านก็ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้เต็มที่ หลังจากได้รับการฝึกฝนในด้านสมาธิอย่างเพียงพอ หลวงปู่เทียน ท่านได้มอบหมายให้หลวงปู่พร้อม เป็นหัวหน้านำในการธุดงค์ในครั้งนั้น ในด้านส่วนลึกของหลวงพ่อลมูล ท่านต้องการออกธุดงค์ไปองค์เดียวแต่ติดขัดในข้อบัญญัติทางพระธรรมวินัยว่าพระที่จะออกธุดงค์ถ้ามีพรรษาไม่ถึง 5 พรรษา ต้องมีพระพี่เลี้ยงนำไป แต่ถ้าเกิน 5 พรรษาไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องมี จุดแรกที่ที่ท่านออกธุดงค์ ก็คือที่วัดพระพุทธบาทสระบุรี เพราะสถานที่นี้เป็นที่อันศักดิ์สิทธิ์ มีความสงบ ร่มรื่นเหมาะในการบำเพ็ญเจริญภาวนา ต่อจากนั้นท่านก็มุ่งสู่ภาคเหนือ แม่สอด ตาก กำแพงเพชร เพราะท่านเห็นว่ามีภูเขามากเป็นแดนที่สงบ ในการเดินทางไปภาคเหนือครั้งนั้นท่านพบกับอุปสรรคอย่างมากมาย จากสัตว์ป่าบ้าง ตลอดจนอาหารที่ฉันท์เพราะไม่ค่อยมีหมู่บ้าน ท่านต้องฉันท์ผลไม้ป่าแทนแทบทุกวัน ฉันท์วันละเพียงมื้อเดียว ส่วนในด้านฝึกหัดปฏิบัติธรรมและจำวัดในตอนกลางคืน หลวงพ่อท่านก็ต้องหาสถานที่ปลอดภัย หลวงพ่อลมูลตั้งอยู่ในความไม่ประมาท หลังจากการเดินทางเข้าสู่พรรษาที่ 5 พระพี่เลี้ยงต่างก็แยกย้ายกันเดินทางกลับ หลวงพ่อลมูล จึงออกเดินธุดงค์เพียงองค์เดียว เดินทางไปถึงประเทศพม่า ท่านได้ไปพบกับถ้ำประหลาดซึ่งอยู่ในภูเขาลูกเล็กๆ แต่มหัศจรรย์มากเพราะภายในถ้ำมีแต่ขี้ค้างคาว แต่ไม่มีกลิ่นเหม็นเลยสักนิดเดียว และมีค้างคาวเต็มไปหมด แต่ค้าวคาวก็ไม่เคยบินมาถูกท่านเลย การเดินทางเอาตัวรอดในป่าดงดิบก็ด้วยการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังต่อเนื่องและเคร่งครัดอำนาจบารมีของพุทธคุณ ธรรมคุณและสังฆคุณ เป็นอำนาจสูงสุด ผู้ปฏิบัติเคร่งครัดย่อมได้ผล แม้แต่ไปเจอสิงห์สาราสัตว์ที่ดุร้าย เจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขา ด้วยอานุภาพบารมีดังกล่าวช่วยคุ้มภัยได้เป็นอย่างดี
    หลังจากที่หลวงพ่อลมูล วัดเสด็จ ท่านได้ธุดงค์ได้ระยะหนึ่ง หลวงพ่อท่านก็ได้เดินทางกลับมายังวัดเสด็จ เพื่อมาช่วยเหลือกิจการของสงฆ์ในวัด ซึ่งในขณะนั้น หลวงปู่เผือกผู้ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสมีปัญหาเกี่ยวกับการปกครอง เนื่องจากมีพระภิกษุในวัดเดียวกันจะคิดกำจัด และปลดท่านจากการเป็นเจ้าอาวาส ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า บัญชีของวัดทำไม่ถูกต้อง และหย่อนสมรรถภาพในการปกครอง แต่ในข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเป็นเพราะหลวงปู่เผือกเป็นพระที่มีความละเอียดรอบครอบ กระทำสิ่งใดๆไม่หวังผลประโยชน์มากเกินไป จึงเป็นเหตุให้ฝ่ายตรงข้างเสียผลประโยชน์ พากันกลั่นแกล้งท่าน หลวงปู่เทียนซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าคณะตำบลบ้านกลางจึงได้เรียกตัวหลวงพ่อลมูลไปปรึกษาและมอบหมายให้ช่วยเหลือหลวงปู่เผือก ในด้านภารกิจต่างๆท่านได้รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ตั้งแต่นั้นมาท่านจึงไม่มีโอกาสออกเดินธุดงค์อีกต่อไป เพราะหน้าที่บังคับและหลังจากนั้นท่านก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี พ.ศ.2491 คือหลังจากที่พระอธิการเผือกได้มรณะภาพลงเมื่อปี พ.ศ.2490
    ในด้านผลงานของหลวงพ่อลมูล ท่านได้พัฒนาไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่ถนนหนทาง จนถึงบ้านพักและสถานีตำรวจสวนพริกไทย อนามัย และโรงเรียน ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเลื่อมใส ต่างก็ได้ส่งบุตรหลานของตนเข้ามาบวชอยู่กับท่านอย่างมากมาย ทุกคนได้หันหน้าเข้าวัดด้วยการฝึกปฏิบัติธรรมกับท่านมิได้ขาดเพราะชาวบ้านถือกันว่าท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูง จากผลงานในด้านปริยัติธรรมและปฏิบัติธรรม ทำให้ทางคณะสงฆ์มีความเห็นขอแต่งตั้งให้ท่านเป็นพระครูใบฏีกาลมูล เมื่อปี พ.ศ.2495 โดยฐานะนุกรมของท่านเจ้าคุณธรรมกิตติในปีพ.ศ.2500 ท่านได้รับตำแหน่งเป็นพระอุปัชฌาย์อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
    ผลงานในด้านปริยัติธรรมหลวงพ่อลมูล ท่านก็ได้ตั้งสำนักเรียนนักธรรมตั้งแต่ชั้นตรี -โท- เอก ขึ้นรวมทั้งสอนแผนกบาลีด้วย ทางด้านปฏิบัตินั้นท่านได้ฝึกอบรมกรรมฐานเป็นประจำ จนมีญาติโยมเข้ามาฝึกกรรมฐานกันมากขึ้นทุกวันเพราะเชื่อกันว่า การฝึกกรรมฐานกับท่านแล้วทำให้เกิดศรัทธาแรงกล้า ส่วนในระยะที่อยู่ในพรรษาแต่ละพรรษาท่านต้องเป็นผู้นำพระใหม่ และเก่าฝึกกรรมฐาน รวมทั้งเป็นผู้นำสวดมนต์เช้าเย็นมิได้ขาดทุกวัน ตลอดจนสั่งสอนอบรมจริยวัตรในขณะที่เป็นสงฆ์และไปเป็นฆราวาส ด้านการพัฒนาวัด หลวงพ่อลมูลได้ทำต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่ท่านเข้าดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดเสด็จด้วยความสามารถนานาประการของหลวงพ่อลมูล จึงจัดว่าท่านเป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งของเมืองไทยที่พุทธศาสนิกชนให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก หลวงพ่อลมูล ขันติพโล วัดเสด็จ อ.เมือง จ.ปทุมธานี ท่านมรณภาพเมื่อพ.ศ.๒๕๔๘ สิริอายุ ๘๙ ปี
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250318_162824.jpg IMG_20250318_162848.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,956
    ค่าพลัง:
    +21,368
    สมเด็จพระโคดม บรมสกลธวัชชัย เสาร์ห้า วัดดอน ยานนาวา จัดสร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๖พิมพ์คะแนน
    พระผงสมเด็จพระโคดม บรมสกลธวัชชัย เป็นพระที่สร้าง และ ปลุกเสกพิธีใหญ่ ณ วัดดอนยานนาวา กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.2516 มีฤกษ์ดี คือ ฤกษ์เสาร์ 5 ที่คนโบราณเชื่อกันว่าเป็นฤกษ์ที่แข็งที่สุด ในรอบหลายๆปี เพราะวันเสาร์ที่ตรงกับวันขึ้น/แรม5ค่ำ และ เดือน5 มีไม่บ่อยนัก หลายๆปี จึงจะมีสักครั้ง จึงมีความเข้มขลัง และ ศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษ และ ในปีนี้เอง ทางวัดดอนจึงได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นหลายชนิด เช่น พระกริ่งฟ้าผ่า รุ่น 2 เหรียญหลวงพ่อกึ่น พระสมเด็จโคดม บรมสกลธวัชชัย และ เหรียญวิเศษเรืองปัญญา
    พิธีพุทธาภิเษก จัดอย่างยาวนานถึง 5วัน 5คืน เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน จนไปถึงวันที่ 11 เมษายน 2516 โดยมีพิธีกรรมแบบเดียวกับเหรียญจักรเพชรวัดดอน คือ พิธีพราหมณ์ และ พุทธ โดยพิธีพุทธนั้น มีเกจิดังๆในสมัยนั้นอย่างคับคั่ง
    โดยมีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นประธานในพิธี และ ยังมีเกจิอาจารย์นั่งปรกในพิธี อีกมากมาย อาทิ
    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทมฯ(ประธานในพิธี)
    หลวงพ่อโอด วัดจันเสน นครสวรรค์
    หลวงพ่อวงษ์ วัดปริวาส กทมฯ
    หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช อยุธยา
    หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
    หลวงปู่เส่ง วัดกัลยาณมิตร กทมฯ
    หลวงพ่อมุม วัดประสาทเยอร์ ศรีสะเกษ
    หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ลพบุรี
    พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา พัทลุง
    หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง นนทบุรี
    หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง
    หลวงพ่อสุด วัดกาหลง
    ครูบาวัง วัดบ้านเด่น ฯลฯ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250318_170526.jpg IMG_20250318_170555.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,956
    ค่าพลัง:
    +21,368
    FB_IMG_1742297770873.jpg

    สร้างจากผงวิเศษ
    พระสมเด็จคะแนน รุ่นแรก หลวงปู่เกลี้ยง วัดบ้านโนนแกด จ.ศรีสะเกษ หลัง พระพุทธศรีธาตุ รุ่นพิเศษ ปี 2524 เนื้อเก่าถึงยุค พระเกจิอาจารย์ที่มีความรอบรู้หลากหลายศาสตร์หลายแขนง เรืองวิทยาคมเป็นที่ เลื่องลือ ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากชาวบ้านมาอย่างยาวนาน มีอายุยืนถึง ๑๑๑ ปี
    สร้างจากผงวิเศษ ที่พบในบาตรโบราณพระธาตุโนนแกด อายุกว่า 1400 ปี หลวงปู่สร้างเอง กดเอง เมื่อคราวบรรจุของลงพระธาตุ หลวงปู่สั่งให้บรรจุพระสมเด็จรุ่นนี้ทั้งหมดที่เหลือลงพระธาตุ ร่วมกับพระที่แตกกรุออกมาคราวก่อนหลวงปู่บอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพิ่นหวง สมเด็จรุ่นนี้มาก เป็นสมเด็จรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่หลวงปู่สร้างเอง
    1397323-19e6a.jpg

    ประวัติการสร้าสมเด็จแนนรุ่นแรงมาเพื่อศึกษากันครับ สมเด็จคะแนนรุ่นแรกหรือสมเด็จศรีธาตุ จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2526 เนื่องจากในปี พ.ศ.2525ทางวัดได้ทำการขุดพระพุทธศรีธาตุเพื่อทำการบูรณะใหม่ แต่ทางวัดไม่มีเงินที่จะบูรณะใหม่หลวงปู่จึงไปขอพระจากสมเด็จพระสังฆราชในสมัยนั้นมาให้ประชาชนได้บูชาแต่ก็ไม่มีใครสนใจ หลวงปู่จึงได้ขอสมเด็จพระสังฆราชสร้างพระสมเด็จรุ่นนี้ขึ้นเพื่อจะได้ให้ชาวบ้านบูชาเพื่อนำเงินมาบูรณะพระธาตุ โดยมีหลวงปู่โชติ วัดภูเขาแก้วเป็นหัวเหลี้ยวหัวแรงและท่านผู้กำกับ ส.ภ.เมืองศรีสะเกษในขณะนั้นคอยช่วยอีกคน เริ่มดำเนินการสร้างเมื่อปี พ.ศ.2526 และได้ทำพิธีพุทธาภิเษกที่วัดบวรจนถึงปี พ.ศ.2528 จึงได้นำมาทำพิธีพุธาภิเษกที่วัดบ้านโนนแกด ถึงได้เริ่มนำมาให้ชาวบ้านได้บูชา เมื่อปี พ.ศ.2528-2529เป็นต้นมา แต่ก็ไม่หมด หลวงปู่ได้นำไปแจกให้ทหารตามชายแดน และส่วนที่เหลือหลวงปู่ก็จะนำพระรุ่นนี้มาให้ชาวบ้านได้บูชาในงานประจำปีของวัดหรืองานวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่และใว้แจกญาติโยมที่มากราหลวงปู่อยู่ตลอดจนพระหมด
    ประวัติหลวงปู่เกลี้ยง เตชธัมโม วัดศรีธาตุ(โนนแกด) บ้านโนนแกด ตำบลทุ่ม อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ
    เดิมชื่อ เกลี้ยง คุณมานะ เกิดวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๔๕๐ ณ บ้านก้านเหลือง ตำบลหมากเขียบ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ
    เป็นบุตรของนายบุญมี คุณมานะ และนางผิว คุณมานะ มีพี่น้องทั้งหมด ๗ คนด้านการศึกษา
    หลวงปู่เข้ารับการศึกษาชั้นประถมศึกษาในโรเรียนวัดบ้านโนนเกด จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ และเรียนต่อ ม.๓ จบในปี ๒๔๖๖ จึงออกมาช่วย มารดาประกอบอาชีพ เพื่อช่วยเหลือครอบครัว ในปี พ.ศ.๒๔๖๗ ทางราชการ รับสมัครผู้ที่จบประถมปีที่ ๔ เข้าสมัครเป็นครูช่วยสอน หลวงปู่ไปสอบและสอบผ่านจึงได้มีโอกาสเป็นครูช่วยสอน ครั้งแรกที่โรงเรียนบ้านโนนแกด สอนได้สองเดือน ทางราชการให้ย้ายไปช่วยสอนที่โรงเรียนบ้านโพรง ตำบลไพรบึง อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเวลา ๓ ปี ๖ เดือน
    การศึกษาด้านธรรม
    ในขณะที่สอนหนังสืออยู่นั้น สุขภาพร่างกายของหลวงปู่ไม่ค่อยสู้ดีนักจึงขอลาออกมาเพื่อรักษาตัว เมื่อสุขภาพดีขึ้นแล้ว หลวงปู่จึงขอลาบวชสามเณรที่วัดบ้านโนนแกด ด้วยความยากเรียนต่อ กอปรกับได้เคยทำการสอนมาแล้วจึงมองเห็นความสำคัญของการศึกษา จึงขออนุญาตเจ้าอาวาสไปเรียนนักธรรมที่วัดบ้านดวนใหญ่ กิ่งอำเภอวังหิน (ในขณะนั้น) จังหวัดศรีสะเกษเรียนนักธรรมตรีที่สนามหลวง ซึ่งมีพระ สามเณร ไปสอบจำนวน ๔๗ รูปปรากฏว่า หลวงปู่เกลี้ยงและพระภิกษุสิงห์ สอบผ่านแค่ ๒ รูป เท่านั้นจากนั้นก็เรียนต่อนักธรรมโทที่จังหวัดบุรีรัมย์ ในขณะที่ศึกษานักธรรมโทอยู่นั้นทางราชการก็มีหมายเรียกให้เข้ารับการเกณฑ์ทหาร หลวงปู่จำเป็นต้องลาสิกขาด้านความรู้ความสามารถพิเศษ
    หลวงปู่ได้อาศัยความรู้เดิมประสบการณ์ที่เคยมีนาในขณะรับราชการทหาร เคยออกรบสงครามมหาเอเชียบูรพา ในการรักษาพยาบาล หลวงปู่ช่วยชาวบ้านรักษาพยาบาลด้วยสมุนไพร ผู้คนที่เจ็บป่วยก็หายป่วย จึงเป็นที่รู้จักกันทั่วไปจนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธา
    การอุปสมบท
    เมื่อพุทธศักราช ๒๕๑๘ หลวงปู่ได้อุปสมบท ณ วัดบ้านแทง ตำบลซำอำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีพระเกษตรศีลาจารย์ วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ ขณะอายุ ๖๗ ปี หลวงปู่ได้รับสมณศักดิ์ พระครูโกวิทพัฒโนดม พร้อมตาลปัตรพัดยศ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๔ ถึงปัจจุบัน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250318_182035.jpg IMG_20250318_182101.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,956
    ค่าพลัง:
    +21,368
    FB_IMG_1742301992999.jpg

    หลวงพ่อเกษม เขมโก (นามเดิม เจ้าเกษม ณ ลำปาง) เป็นพระสายวิปัสสนากรรมฐาน พระเกจิเถราจารย์ทางด้านธุดงควัตร ปลีกวิเวก พุทธศาสนิกชนใน จ.ลำปาง และชาวไทยเคารพนับถือว่าท่านเป็นพระเถราจารย์ปูชนียบุคคลรูปหนึ่งของประเทศไทย และมีผู้มีความเคารพศรัทธาเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
    "พระเครื่องที่แขวนมีหลายองค์ แต่ที่ขาดคอไม่ได้ คือ พระของหลวงพ่อเกษม ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใดถ้าเป็นพระที่หลวงพ่อปลุกเสกถือว่าใช้ได้เหมือนกันหมด ไม่จำเป็นต้องเป็นรุ่นดังและราคาแพง พระที่ขึ้นชื่อว่าหลวงพ่อเกษมปลุกเสกนั้นมีความขลังเท่าเทียมกันทุกรุ่นทุกองค์ วันนี้แขวนรูปภาพ และฟันของหลวงพ่อ ซึ่งได้จากเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เป็นลูกศิษย์คอยรับใช้ท่าน" นี่เป็นคำยืนยันจากปากของ คุณสุวรรณ กล่าวสุนทร ในขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
    คุณสุวรรณได้เล่าถึงปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อเกษมให้ฟังว่า เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๕ ครั้งเป็นนายอำเภอเมืองลำปาง ได้ออกไปจับไม้ พบกองไม้ขนาดใหญ่และอุปกรณ์การตัดไม้จำนวนมากไม่สามารถเคลื่อนย้ายมาได้หมดจึงเผาทิ้ง ปรากฏว่าหลังจากราดน้ำมันเบนซินแล้ว ด้วยความประมาทระหว่างจุดไฟปรากฏว่าไฟลุกท่วมเหมือนกับถังแก๊สระเบิด ได้ยกมือขึ้นป้องใบหน้าพร้อมกับกระโดดหลบ ได้ร้องตะโกนอุทานไปว่า "หลวงพ่อช่วยลูกด้วย"
    ด้วยความแรงของเปลวไฟ ทำให้แขนและบริเวณหน้าอกถูกลวกด้วยเปลวไฟ ในครั้งนั้นมีการออกข่าวไปว่า "รองผู้ว่าฯ ลำปาง ถูกไฟคลอกตายดำเป็นตอตะโก" ในครั้งนั้นต้องเดินเท้าเกือบครึ่งวันกว่าจะถึงถนนใหญ่ จากนั้นก็ไปพักรักษาตัวในห้องปลอดเชื้อของโรงพยาบาลนานถึง 7-8 วัน โดยทุกๆ วันจะมีหมอมาตัดผิวหนังที่เสียหายออก และในวันสุดท้ายก่อนออกจากโรงพยาบาลหมอได้แนะนำให้ไปศัลยกรรมผิวหนังบริเวณที่ถูกไฟไหม้เพื่อให้แผลเป็นไม่น่าเกลียด หลังจากออกจากโรงพยาบาลก็ไปหาหลวงพ่อเกษม พร้อมกับบอกหลวงพ่อว่า "ช่วยเป่าให้หน่อย ขออย่าให้เป็นแผลเป็น" ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า หลังจากหลวงพ่อเป่าให้อีกประมาณ ๑ เดือน ไม่เกิดเป็นร่องรอยแผลเป็นเลย
    "พุทธคุณและปาฏิหาริย์ของพระเครื่องที่เราเกิดไม่ทันนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมา เท็จจริงประการใดไม่ทราบ แต่เรื่องเล่าพุทธคุณและปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อเกษมเป็นสิ่งที่ผมสัมผัสได้ โดยได้เดินทางไปกราบไหว้ท่านเมื่อยังเป็นเด็ก นอกจากได้สัมผัสวัตรปฏิบัติแล้ว รวมทั้งปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองหลายครั้ง" คุณสุวรรณกล่าว
    Credit: ขอขอบคุณที่มาจากการคัดลอกเนื้อหาบางส่วนจาก คมชัดลึก ออนไลน์ https://www.komchadluek.net/amulet/161609
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสงบครับ
    แสตมป์เสด็จพ่อ ร.๕ เนื้อกระเบื้องกังไส ปี ๒๕๓๕ หลวงพ่อเกษม เมตตามนต์ปลุกเสก

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250318_182137.jpg IMG_20250318_182210.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,956
    ค่าพลัง:
    +21,368
    get_auc1_img (25).jpeg

    พระนางพญาปี2514หลังยันต์ดวงพระอาจารย์ถนอมเขมจาโรสุดยอดวัตถุมงคลจากวัดนางพญาจัดสร้างโดยวัดนางพญาในสมัยพระอาจารย์ถนอมเขมจาโรและพระครูบวรชินรัตน์
    สร้างเมื่อพ.ศ.2514
    วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
    เพื่อหาจตุปัจจัยในการสร้างอุโบสถวัดนางพญาที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเพื่อเป็นสถานที่ประกอบสังฆกรรมแห่งสงฆ์ให้แล้วเสร็จสมบูรณ์
    พิธีมหาพุทธาภิเษกมหาจักรพรรดิ์ตราธิราชเมื่อวันเสาร์ที่30มกราคม2514
    สถานที่ประกอบพิธีณวิหารวัดนางพญาจังหวัดพิษณุโลก
    ประธานฝ่ายสงฆ์สมเด็จพระวันรัต(ปุ่นปุณณสิริ)ซึ่งต่อมาเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่17แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
    ประธานฝ่ายฆราวาสพลโทสำราญแพทยกุลแม่ทัพภาพที่3 สมัยนั้น
    ประธานจุดเทียนชัยสมเด็จพระวันรัต(ปุ่นปุณณสิริ)
    ประธานดับเทียนชัยหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม
    เจ้าพิธีพระอาจารย์ไสวสุมโน
    เจ้าพิธีฝ่ายพราหมณ์พระครูวามเทพมุนี
    เกจิคณาจารย์ร่วมปลุกเษก
    1.สมเด็จพระวันรัต(ปุ่นปุณณสิริ)
    2.พระอุปชาฌ์ประมุขวัดจงโกจ.ลพบุรี
    3.พระครูพรหมจักรสังเวช(ครูบาพรหมาธมฺจกฺโก)วัดพระพุทธบาทตากผ้าจ.ลำพูน
    4. พระครูวิรุนห์ธรรมโกวิทวัดเจดีย์สถานจ.เชียงใหม่
    5. พระครูภาวนาภิรัตน์วัดน้ำบ่อหลวงจ.เชียงใหม่
    6. หลวงพ่อเกษมเขมโกสุสานไตรลักษณ์จ.ลำปาง
    7.หลวงพ่อบุญมีจ.เชียงใหม่
    8. พระครูธรรมสารจ.ขอนแก่น
    9. พระคัมภีรญาณเถระจ.ขอนแก่น
    10. หลวงพ่อสิงห์จ.มหาสารคาม
    11. หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลีกทม.
    12. อาจารย์ฝั้นอาจาโรวัดป่าอุดมสมพรจ.สกลนคร
    13. หลวงพ่อบุญมาวัดคีรีสารวัน
    14. หลวงพ่อสดจ.ชัยนาท
    15. หลวงพ่อทบวัดชนแดนจ.เพชรบูรณ์
    16. พระเกตุจันทสุวรรณโณวัดศรีเมืองจ.สุโขทัย
    17. หลวงพ่อโอดวัดจันเสนจ.ลพบุรี
    18. หลวงพ่อถิรวัดป่าเลไลย์จ.สุพรรณ์บุรี
    19. หลวงพ่อแพวัดพิกุลทองจ.สิงห์บุรี
    20. หลวงพ่อบุญสมวัดหัวข้วงจ.ลำปาง
    22. พระครูประศาสน์ธรรมคุณจ.พิษณุโลก
    23. หลวงพ่อผางวัดอุดมคงคาคีรีเขตจ.ขอนแก่น
    24. พระครูศรีปริยัติยานุรักษ์จ.เชียงใหม่
    25.หลวงพ่อสว่างจ.กำแพงเพชร
    26. หลวงพ่อแกรจ.นครสวรรค์
    27. หลวงปู่แหวนสุจิณฺโณวัดดอยแม่ปั๋งจ.เชียงใหม่
    28. หลวงพ่อขอมจ.สุพรรณบุรี
    พระครูสุจิตธรรมวิมลเจ้าอาวาสวัดนางพญารูปปัจจุบันเล่าว่าพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนั้นต้องเรียกว่าเป็นอภิมหาพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้นทั้งนี้มีสุดยอดเกจิอาจารย์จากทั่วประเทศร่วมอธิษฐานจิตปลุกเษกในพิธีด้วยอาทิเช่นหลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี,พระอาจารย์ฝั้นอาจาโร,หลวงปู่ผาง,หลวงปู่แหวนสุจิณฺโณ,หลวงพ่อเกษมเขมโก,หลวงพ่อแพ,หลวงพ่อขอม,ครูบาพรหมาเป็นต้น
    มีการถ่ายทอดเสียงออกอากาศทางสถานีวิทยุไปทั่วประเทศตลอดวันตลอดคืนในวันเสาร์ที่30มกราคม2514เริ่มตั้งแต่เวลา06.05น.ประกอบพิธีบวงสรวงครูบาอาจารย์และอดีตเจ้าอาวาสตามด้วมพิธีถวายเครื่องสักการะบูชาพระพุทธชินราชพิธีถวายสักการะบูชาบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราชพิธีสักการะบูชาพระรัตนตรัยพิธีบวงสรวงเทพยดาและพิธีบวงสรวงบูชาฤกษ์
    เวลา16.00น.สมเด็จพระวันรัตประธานฝ่ายสงฆ์ทรงอธิษฐานจิตจุดเทียนชัยคณาจารย์จากทั่วประเทศนั่งปรกรอบมณฑลพิธีเจริญจิตภาวนาปลุกเสกตลอดเวลา
    เวลา19.30น.จุดเทียนชัยมหาพุทธาภิเษก
    เวลา02.00น.เริ่มต้นสวดคาถาพระจักรพรรดิ์ตราธิราชพระคณาจารย์นั่งปลกเจริญจิตภาวนาปลุกเสกตลอดรุ่ง
    เวลา06.05น.หลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอมได้อธิษฐานจิตดับเทียนชัย
    ในครั้งนั้นวัดนางพญาได้จัดสร้างวัตถุมงคลหลายรายการที่สำคัญคือพระนางพญาเนื้อดินเผาตามประวัติการสร้างเป็นพระนางพญาที่ถอดพิมพ์และผสมผงเก่าจากนางพญากรุพระนางพญาที่สร้างครั้งนี้มี๒พิมพ์คือพิมพ์ใหญ่เข่าโค้งและพิมพ์เล็กสังฆาฏิและได้อัญเชิญพระฤกษ์พระราชทานประดิษฐานหลังพระนางพญารุ่นนี้ทุกองค์(มีหลงบางองค์ไม่มียันต์ดวง)ปั้นกดด้วยมือและใช้ใบเลื่อยตัดออกทีละองค์ๆสันนิษฐานว่าสร้างจำนวน84,000องค์ในขณะนั้นให้บูชาองค์ละ5บาท10บาทในการทำบุญสร้างอุโบสถแต่ปัจจุบันนี้การเช่าหาอยู่ที่หลักร้อยแก่ๆถึงหลักพันดูตามสภาพพระว่าสวยหรือไม่ยันต์ดวงติดเต็มหรือไม่เต็มชัดหรือไม่ชัดครับ
    ครับอันนั้นคือปฐมแห่งพระนางพญารุ่นนี้ที่คนหลังก่อนได้ทำไว้คนรุ่นหลังได้เก็บบูชากันแต่ยังไม่หมดแค่นั้นครับยังมีเหตุการณ์ที่ทำให้พระนางพญาปี2514ที่ค่อนข้างหายากในยุคปัจจุบันได้มีมาให้พวกเราได้ชมกันอยู่
    จำไม่ได้ว่าปีไหนกันแน่ระหว่างปี2546หรือ2547ที่ผ่านมามีการแตกกรุพระนางพญาปี2514หลังยันต์ดวงที่อายุร่วม40กว่าปีนี้ขึ้น
    วัดนางพญาในช่วงนี้ค่อนข้างทรุดโทรมไปบางส่วนเช่นกุฏิเสนาสนะสงฆ์บางหลังเป็นกุฏิไม้เก่าแทบจะทรุดพังแล้ว,พื้นที่โดยทั่วของวัดอยู่ในพื้นที่ต่ำกว่าถนนและอาณาบริเวณโดยรอบเวลาฝนตกหนักน้ำมักท่วมขัง,วิหารคดรอบอุโบสถก็ต้องบูรณะพระครูสุจิตธรรมวิมล(อาจารย์ชุบ)เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันก็ได้ตกลงใจจะทำการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดนางพญาใหม่แต่ทำให้ท่านเองต้องครุ่นคิดหาปัจจัยในการดำเนินการอยู่ตลอดเวลา
    และในคืนหนึ่งท่านได้นิมิตฝันว่ามีดาวตกขนาดใหญ่1ดวงตกใส่ห้องเก็บของที่ติดกับกุฏิเจ้าอาวาสซึ่งอดีตคือกุฏิของพระอาจารย์ถนอมเขมจาโรผู้ที่มาเริ่มบูรณะวัดนางพญาเมื่อ30กว่าปีก่อนนั่นเอง
    รุ่งเช้าหลังคาห้องเก็บของยุบลงมาจริงๆและพบว่าโครงไม้หลังคาถูกปลวกกัดกินเนื้อไม้จนผุพังขณะเก็บรื้อสิ่งของพบจอมปลวกขนาดใหญ่อยู่ที่มุมห้องมีรอยตกและเห็นเนื้อไม้อยู่ด้านในจึงกระเทาะดินปลวกออกก็พบลังไม้สักเก่าๆใบหนึ่งสภาพค่อนข้างเรียบร้อยเปิดดูพบดินปลวกอัดแน่นเต็มลังเมื่อเพ่งพิจารณาดูอย่างละเอียดจึงพบว่าดินปลวกมีรูปร่างที่พิสดารคือเป็นรูปสามเหลี่ยมเล็กๆอยู่เต็มไปหมดเมื่อแกะออกมาดูถถึงกับตลึงเมื่อพบว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ดินปลวกคือพระนางพญา2514ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อ30กว่าปีก่อนการพบพระนางพญาในครั้งนี้นับว่าประจวบเหมาะพอดีกับการที่จะเปิดตัว"โครงการบูรณะวัดนางพญา"ราวกับปาฎิหารย์แบบ"ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ"หรือว่าอดีตเจ้าอาวาสผู้สร้างพระนางพญาชุดนี้ซึ่งเป็นผู้บูรณะวัดนางพญาเมื่อ30ปีก่อนอนุโมทนาต่อการที่ทราบว่าวัดนางพญาจะได้มีการบูณะเพิ่งเติมต่อจากที่ท่านได้บูรณะไว้แล้วจึงมอบพระนางพญาชุดนี้มาให้เป็นทุนเริ่มต้นโครงการฯและที่แปลกประหลาดอีกประการหนึ่งก็คือปลวกไม่กัดกินเนื้อพระเลยแม้แต่องค์เดียวทั้งๆที่เนื้อดินนั้นเป็นอาหารของปลวกคล้ายๆกับจะเข้ามาอยู่เพื่อปกป้องรักษาพระจึงอยู่ในสภาพที่สวยและสมบูรณ์มากพระที่พบครั้งนั้นคาดว่าจำนวนน่าจะร่วมหมื่นองค์หรือมากกว่า
    พระนางพญาที่พิธียิ่งใหญ่เกจิอาจารย์ทั่วสารทิศมาปลุกเสกที่พิมพ์ไว้22รูปนั้นเป็นแค่จำนวนหนึ่งครับอีกอย่างพระนางพญารุ่นนี้มีผงเก่าของพระนางพญากรุวัดนางพญาแตกหักบ้างมาบดผสมเป็นมวลด้วยพุทธคุณด้านเมตตามหานิยมแคล้วคลาดปลอดภัยโชคลาภมั่งมีต้องนางพญารุ่นนี้พิธียิ่งใหญ่และถูกต้องเกจิอาจารย์เข้มขลังมวลสารสุดยอดใช้แทนนางพญากรุเก่าที่ปัจจุบันหาแสนจะหายากได้เลยครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250318_182406.jpg IMG_20250318_182435.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,956
    ค่าพลัง:
    +21,368
    วันนี้จัดส่ง

    1742313920279.jpg
    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...