รูปหล่อรุ่นแรกหลวงพ่อหวลวัดพุทไธศวรรย์พระลีลาวัดพลับพลา๒๕๑๖รูปหล่อลพ.เจ็ดกษัตริย์ ลป.สอ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,117
    ค่าพลัง:
    +21,386
    1745327898696.jpg
    1745330356066.jpg

    พระลีลา วัดพลับพลา นนทบุรี ปี ๒๕๑๖
    เข้าพิธีปลุกเสกพระกริ่งวัชระหลวงพ่อเกษมเขมโก
    และ เข้าพิธี วัดพลับพลา
    พระคณาจารย์ที่เมตตาเข้าร่วมพิธีปลุก เสกพระรุ่นนี้มีดังนี้
    วันที่ 29 ตุลาคม 2516
    ชุดแรก เวลา 17.50-19.00 น.
    1. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    2. หลวงพ่อคำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ลพบุรี
    3. หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์ ลพบุรี
    4. หลวงพ่อคล้าม วัดกุ่มหัก สระบุรี
    5. หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช อยุธยา
    ชุด ที่สอง เวลา 19.00-20.00 น.
    1. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์
    2. หลวงพ่อชื่น วัดตำหนักเหนือ นนทบุรี
    3. หลวงพ่อแก้ว วัดปทุมวนาราม อยุธยา
    4. หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธาราม อ่างทอง
    5. หลวงพ่อเส็ง วัดบางนา ปทุมธานี
    ชุดที่สาม เวลา 20.00-21.00 น.
    1. หลวงพ่อหอม วัดซากหมาก ระยอง
    2. หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
    3. หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณ์ กทม.
    4. หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง นนทบุรี
    5. หลวงพ่อโต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม.
    ชุดที่สี่ เวลา 21.00-22.00 น.
    1. หลวงพ่อพระโพธิวรคุณ วัดโพธินิมิต กทม.
    2. หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม นครปฐม
    3. หลวงพ่อเจริญ วัดทองนพคุณ เพชรบุรี
    4. หลวงพ่อจ้วน วัดเขาลูกช้าง เพชรบุรี
    5. หลวงพ่อพยนต์ วัดเกตุมวดีย์ สมุทรสาคร
    ชุดที่ห้า เวลา 22.00-23.00 น.
    1. หลวงพ่อพระพุทธมนต์วราจารย์ วัดสุทัศน์ฯ กทม.
    2. หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธาราม อ่างทอง
    3. หลวงพ่อกาหลง (ไม่ทราบวัด) จังหวัดจันทบุรี
    4. หลวงพ่อเก๋ วัดปากน้ำ นนทบุรี
    5. หลวงพ่อสะอาด วัดฝาง นนทุบุรี

    ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250422_142546.jpg IMG_20250422_142610.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,117
    ค่าพลัง:
    +21,386
    12798933_1161425170558356_2395248101824558217_n.jpg

    พระคาถาบูชา บรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสะฯ (๓ จบ) “โอม นะโม ชีวะโก สิระสา อะหัง กะรุณิโก สัพพะสัตตานัง โอสะถะ ทิพพะมันตัง ปะภาโส สุริยาจันทัง โกมาระภัจโจ ปะกาเสสิ วันทามิ ปัณฑิโต สุเมธะโส อะโรคา สุมะนา โหมิ”
    ชีวก ชื่อหมอใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญในการรักษา และมีชื่อเสียงมาก ในครั้งพุทธกาล เป็นแพทย์ประจำพระองค์ของพระเจ้าพิมพิสาร และพระเจ้าพิมพิสาร ได้ถวายให้เป็นแพทย์ประจำพระองค์ ของพระพุทธเจ้าด้วย
    เรียกชื่อเต็มว่า ชีวกโกมารภัจจ์ หมอชีวกเกิดที่เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เป็นบุตรของนางคณิกา (หญิง งามเมือง) ชื่อว่าสาลวดี แต่ไม่รู้จัก มารดาบิดาของตน เพราะเมื่อนางสาลวดีมีครรภ์ เกรงค่าตัวจะตกจึงเก็บตัวอยู่ ครั้นคลอดแล้วก็ให้คนรับใช้เอาทารก ไปทิ้งที่กองขยะ แต่พอดีเมื่อถึงเวลาเช้าตรู่ เจ้าชายอภัย โอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าพิมพิสาร จะไปเข้าเฝ้า เสด็จผ่านไป เห็นการุมล้อมทารกอยู่ เมื่อทรงทราบว่าเป็นทารกและยังมีชีวิต อยู่ จึงได้โปรดให้นำไปให้นางนมเลี้ยงไว้ในวัง ใน ขณะที่ทรงทราบว่าเป็นทารก เจ้าชายอภัยได้ตรัสถามว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่ (หรือยังเป็นอยู่) หรือไม่ และทรงได้รับคำตอบ ว่ายังมีชีวิตอยู่ (ชีวติ = ยังเป็นอยู่ หรือยังมีชีวิตอยู่) ทารกนั้นจึงได้ชื่อว่า ชีวก (ผู้ยังเป็น) และเพราะเหตุที่เป็นผู้อันเจ้าชายเลี้ยง จึงได้มีสร้อยนามว่า โกมารภัจจ์ (ผู้อันพระราชกุมารเลี้ยง)
    ครั้นชีวกเจริญวัยขึ้น พอจะทราบว่าตนเป็นเด็กกำพร้า ก็คิดแสวงหาศิลปวิทยาไว้เลี้ยงตัว จึงได้เดินทางไป ศึกษาวิชาแพทย์กับอาจารย์แพทย์ทิศาปาโมกข์ ที่เมืองตักสิลา ศึกษาอยู่ ๗ ปี อยากทราบว่าเมื่อใดจะเรียนจบ อาจารย์ให้ ถือเสียมไปตรวจดูทั่วบริเวณ ๑ โยชน์รอบเมืองตักสิลา เพื่อหาสิ่งที่ไม่ใช่ตัวยา ชีวกหาไม่พบ กลับมาบอกอาจารย์ ๆ ว่า สำเร็จการศึกษามีวิชาพอเลี้ยงชีพแล้ว และมอบเสบียงเดินทางให้เล็กน้อย ชีวกเดินทางกลับยังพระนครราชคฤห์เมื่อ เสบียงหมดในระหว่างทาง ได้แวะหาเสบียงที่เมือง สาเกต โดยไปอาสารักษาภรรยาเศรษฐีเมืองนั้นซึ่งเป็นโรคปวด ศีรษะมา ๗ ปี ไม่มีใครรักษาหาย ภรรยาเศรษฐีหายโรคแล้ว ให้รางวัลมากมาย หมอชีวกได้เงินมา ๑๖,๐๐๐ กษาปณ์ พร้อมด้วยทาสทาสีและรถม้าเดินทางกลับถึงพระนครราชคฤห์ นำเงินและของรางวัลทั้งหมดไปถวายเจ้าชายอภัยเป็น ค่าปฏิการะคุณที่ได้ทรงเลี้ยงตนมา เจ้าชายอภัยโปรดให้หมอชีวกเก็บรางวัลนั้นไว้เป็นของตนเอง ไม่ทรงรับเอา และ โปรดให้หมอชีวกสร้างบ้านอยู่ในวังของพระองค์ ต่อมาไม่นานเจ้าชายอภัยนำหมอชีวกไปรักษาโรคริดสีดวงงอกแด่ พระเจ้าพิมพิสาร จอมชนแห่งมคธทรงหายประชวรแล้ว จะพระราชทานเครื่องประดับของสตรีชาววัง ๕๐๐ นางให้ เป็นรางวัล หมอชีวกไม่รับ ขอให้ทรงถือว่าเป็นหน้าที่ของตนเท่านั้น พระเจ้าพิมพิสารจึงโปรดให้หมอชีวกเป็นแพทย์ ประจำพระองค์ ประจำฝ่ายในทั้งหมด และประจำพระภิกษุสงฆ์อันมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข หมอชีวกได้รักษาโรค ร้ายสำคัญหลายครั้ง เช่น
    ผ่าตัดรักษาโรคในสมองของเศรษฐีเมืองราชคฤห์ ผ่าตัดเนื้องอกในลำไส้ของบุตรเศรษฐี เมืองพาราณสี รักษาโรคผอมเหลืองแด่พระเจ้าจัณฑปัชโชตแห่งกรุงอุชเชนี และถวายการรักษาแด่พระพุทธเจ้าใน คราวที่พระบาทห้อพระโลหิต เนื่องจากเศษหินจากก้อนศิลาที่พระเทวทัตกลิ้งลงมาจากภูเขา เพื่อหมายปลงพระชนม์ชีพ หมอชีวกได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน และด้วยศรัทธาในพระพุทธเจ้า ปรารถนาจะไปเฝ้าวันละ ๒-๓ ครั้ง เห็นว่าพระเวฬุวันไกลเกินไปจึงสร้าง วัดถวายในอัมพวันคือสวนมะม่วงของตนเรียกกันว่า ชีวกัมพวัน (อัมพวัน ของหมอชีวก) เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูเริ่มน้อมพระทัยมาทางศาสนา หมอชีวกก็เป็นผู้แนะนำให้เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
    ด้วยเหตุที่ หมอชีวกเป็นแพทย์ประจำคณะสงฆ์ และเป็นผู้มีศรัทธาเอาใจใส่เกื้อกูลพระสงฆ์ มาก จึงเป็นเหตุให้ มีคนมาบวชเพื่ออาศัยวัดเป็นที่รักษา ตัวจำนวนมาก จนหมอชีวกต้องทูลเสนอพระพุทธเจ้าให้ทรงบัญญัติข้อ ห้ามมิ ให้รับบวชคนเจ็บป่วย ด้วยโรคบางชนิด นอกจากนั้นหมอชีวกได้กราบทูลเสนอให้ทรงอนุญาตที่จงกรมและเรือนไฟ เพื่อเป็นที่บริหารกายช่วยรักษาสุขภาพของภิกษุทั้งหลาย หมอ ชีวกได้รับพระดำรัสยกย่องเป็นเอตทัคคะในบรรดา อุบาสกผู้เลื่อมใสในบุคคล
    พระผงรูปเหมือนปู่ชีวกโกมารภัจจ์ วัดถ้ำเขาอีมด) พุคำบรรพรต ) สระบุรี ปี ๒๕๑๗

    ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250422_142326.jpg IMG_20250422_142347.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,117
    ค่าพลัง:
    +21,386
    1367727-3bc39.jpg

    ครูบาอาจารย์ผู้มีความชำนาญในการตัดเหล็กไหล
    เหล็กไหล สร้างวัด
    พระครูภัทรกิจโสภณ หรือ หลวงพ่อหวล ภูริภทฺโท เดิมท่านชื่อ หวล การเกตุ ท่านเป็นบุตรของ คุณพ่อไล้ คุณแม่เสงี่ยม การเกตุ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี แรม ๙ ค่ำ เดือน ๙ ตรงกับวันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ พื้นเพเดิมอยู่ ตำบลสามง่าม อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง มีพี่น้อง ๓ คน ท่านเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ในพระพุทธศาสนา โดยท่านบรรพชาที่วัดกษัตราธิราชวรวิหาร ในขณะนั้นหลวงพ่อยอด หรือพระครูสาธุกิจโกศล (ต่อมารับตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดพุทไธศวรรย์ เจ้าคณะตำบลสำเภาล่ม) ยังอยู่ที่วัดกษัตราธิราชวรวิหาร และเข้ารับการอุปสมบทที่วัดพุทไธศวรรย์ เมื่อวันที่ ๑๒ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ โดยมีพระราชธานินทร์ (หลวงพ่อเจิม) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระกุศลธรรมธาดา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสมุห์ยอด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีฉายาทางพระภิกษุว่า ภูริภทฺโท ท่านใช้ชีวิตอยู่ในสมณะเพศด้วยความมุ่งมั่น และด้วยเป็นพระที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบตลอดมา จึงได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าอาวาส วัดพุทไธศวรรย์ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ แทนพระครูสาธุกิจโกศล ที่มรณภาพ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ญาติโยมพร้อมใจกันให้พระภิกษุหนุ่ม พระหวล การเกตุ ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทไธศวรรย์
    หลวงพ่อหวล ท่านเป็นผู้ฝักใฝ่ในการแสดงหาความรู้ ด้านต่างๆ ตลอดจนการศึกษาวิชาอาคมและหนึ่งในวิชาอาคมอันสุดยอดของท่านก็คือ วิชาอาคมเรียกและเชิญเหล็กไหล หรือพญาเหล็กไหล สุดยอดแห่งธาตุกายสิทธิ์ที่ทุกคนปรารถนาได้มาครอบครอง โดยหลวงพ่อหวล ท่าได้เรียนวิชาอาคมดังกล่าวมาจากอาจารย์ฆราวาสท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ หลวงพ่อเดิม หรือพระครูนิวาสธรรมขันธ์ แห่งวัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์ สุดยอดพระเกจิที่โด่งดังมากที่สุดรูปหนึ่งของเมืองไทย
    หลวงพ่อหวล ได้ศึกษาวิชาอาคมจากพระอาจารย์ฆราวาส เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ จนสำเร็จ ผ่านไปสักระยะหนึ่ง ด้วยมีแรงผลักดันให้ท่านต้องออกแสวงหาเหล็กไหลให้ได้ ไม่เช่นนั้นความตั้งใจที่จะบูรณะวัดของท่าทนไม่มีทางสำเร็จได้ในเวลาอัน สมควร ท่านจึงต้องออกไปแสวงหาตามป่าเขา ลำเนาไพร โดยมีพระอาจารย์ฆราวาสเป็นผู้คอยแนะนำในระยะแรก
    เหล็กไหล เพื่อการบูรณะวัด
    ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ อาจารย์ฆราวาสพาหลวงพ่อ ไปหาเหล็กไหล ก่อนไปจะต้องจัดเตรียมอุปกรณ์หลายอย่างที่สำคัญๆ ได้แก่ หุ่นที่ทำจากขี้ผึ้งบริสุทธิ์ (หุ่นนี้มีความสำคัญ เพราะเหล็กไหลจะก่อตัวขึ้นเหมือนหุ่นดังกล่าว แต่ขนาดจะเล็กกว่ามาก) น้ำผึ้งบริสุทธิ์ ด้ายสายสิญจน์ บาตร หรือถังและอุปกรณ์ปลีกย่อยต่างๆ
    ในการหาเหล็กไหลจะต้องสังเกตถ้ำที่จะเข้าไปหาว่ามีลักษณะตามตำราหรือไม่ เช่น ถ้าน้ำจะต้องสะอาด ไม่มีมูลสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น มูลเสือ มูลช้าง มูลงู หรือมูลค้างคาว ถ้ำนั้นจะต้องมีอากาศเย็น ชุ่มชื้น ต้องสงบเงียบ วังเวง ให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม และเมื่อมีโอกาสได้ถามหลวงพ่อว่า ท่านรู้ได้อย่างไรว่าถ้ำไหนจึงจะมีเหล็กไหลหรือพญาเหล็ก หลวงพ่อท่านบอกว่า การสังเกตนั้น จุดแรกให้ดูว่ามีน้ำไหล มีคราบ และเมื่อนำน้ำผึ้งและน้ำมนตร์ราด ทาก็จะเกิดประกาย
    หลวงพ่อได้เล่าต่อว่า จากนั้นก็จะเป็นเรื่องของกรรมวิธี โดยการนำน้ำผึ้งไปชโลมบริเวณนั้น แล้วนำสายสิญจน์ที่ชุบด้วยน้ำผึ้ง ไปผูกโยงจากจุดที่สังเกตแล้วว่าน่าจะมีเหล็กไหล ลงมายังบาตรที่ใส่น้ำผึ้งไว้ในบาตรจะใส่หุ่นเทียนด้วยก็ได้ (จะได้เหล็กไหลตามรูปแบบของหุ่นเทียน) หุ่นที่ใส่ลงในบาตรจะใส่ครั้งละหลายตัว ส่วนมากหลวงพ่อจะใส่ไว้ ๑๐๘ ตัว หุ่นเทียนบริสุทธิ์นี้ จะสอดไส้เหมือนเทียนไข แต่ว่าที่ปลายจะมีไส้ยื่นออกมาทั้งสองด้าน ไส้ของหุ่นด้านหนึ่งจะถูกนำมาผูกรวมกัน แล้วผูกติดกับสายสิญจน์ที่โยงลงมาจากผนังถ้ำ ไส้อีกปลายด้านหนึ่งของหุ่นก็จะถูกนำมารวมกัน แล้วหลวงพ่อจะจับไว้ ขณะทำพิธีต้องใช้คาถามิให้เหล็กไหลที่ไหลงมาตามสายสิญจน์ไหลลงดินหมด นำน้ำผึ้งมาชดลมหุ่นที่อยู่ในบาตร หรือในถัง จากนั้นใช้คาถาเรียกเหล็กไหลให้ลงมากินน้ำผึ้งในถัง อาจจะใช้เวลาประมาณ ๑-๓ ชั่วโมง ก็สุดแล้วแต่หลวงพ่อ ท่าจะรู้ด้วยสัมผัสพิเศษตามที่ศึกษามา เมื่อได้เวลาท่านก็จะทำการตัดสายสิญจน์ โดยการใช้เที่ยนเผาด้ายสายสิญจน์ที่โยงลงมาจากผนังถ้ำ เมื่อเอาไฟจากเปลวเทียนเผา ด้ายสายสิญจน์จะแดงเหมือนไฟ ถ้าสายสิญจน์ขาดก็หมายถึงได้เหล็กไหล (สภาพเหลวข้น หรือรูปแบบลักษณะตามหุ่นที่ใส่ในบาตร) แต่หากสายสิญจน์ไม่ขาดก็เลิกกัน ขาดก็ได้ ไม่ขาดก็ไม่ได้ เลิกกัน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปหล่อรุ่นแรกหลวงพ่อหวลวัดพุทไธศวรรย์ อยุธยา ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250422_142424.jpg IMG_20250422_142448.jpg IMG_20250422_142517.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2025 at 22:31

แชร์หน้านี้

Loading...