จิตจักรวาล

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 3 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    คุณมีลักษณะคล้ายๆ เว่ยหลางอยู่นะ
    แต่อย่าไปยึดติดอาวุโสมาก จะผู้ใหญ่ จะเด็กอะไร
    มันไม่เกี่ยวกับการบรรลุธรรมหรอก เพราะอดีตชาติเราทำมา ต่างกัน


    ใครจะไปรู้ เด็กที่อยู่ตรงหน้าคุณวันนี้ อาจเป็นเหมือนพระอุปคุต มีพรรษาเป็นร้อยๆ ปีก็เป็นได้
     
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,425
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ขยายความให้หน่อยได้ไหมค่ะ
    และคนละแบบเป็นอย่างไรนะคะ
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    แตกต่างกันหลายอย่างนะครับ เช่น คำสอนเรื่องพุทธะ


    บางคนจะสอนว่าจิตคือพุทธะ สรรพจิตทั้งหลายคือพุทธะอยู่แล้ว บริสุทธิ์อยู่แล้ว
    (ซึ่งทำให้หลายคนคิดว่า เราทั้งหลายก็คือ พุทธะ อยู่แล้วเช่นเดียวกัน ดีใจเลย
    สิครับ แหม เราได้เป็นพุทธะแล้ว ใครจะไม่ดีใจละ อีโก้นี่พองตัวขึ้นมาเลยครับ)

    แต่แนวทางผม ท่านจะบอกแค่ว่า "จิตบริสุทธิ์อยู่แล้วก็จริง เรียกว่า จิตประภัสสร"
    คำสอนเรื่องจิตประภัสสรนั้น ท่านเปิดเผยไว้ในครึ่งพุทธกาลแรก แต่ยังไม่หมดนะ
    คนไหนเข้าใจแล้ว คิดว่าหมดแล้ว รู้หมดแล้ว ปิดใจกั้นเสีย ไม่ได้รับรู้อะไรมากไป
    กว่านั้นอีกละ แต่ใครยังไม่ปิดใจกั้น ท่านจะเปิดเผยต่อหลังครึ่งพุทธกาลขึ้นไปคือ
    เรื่องของ "พุทธะ" จิตไม่ใช่พุทธะ, พุทธะไม่ใช่จิต จิตก็คือจิต, พุทธะก็คือพุทธะ
    สมมุติธรรมสองคำนี้ มีความหมายต่างกัน จิตมีญาณหยั่งรู้ต่างกัน (อย่างที่ผมเคย
    ได้บอกแล้ว) พระพุทธเจ้ามีสัพพัญญูญาณ แต่พระอรหันตสาวกไม่มี นี่ต่างกันอยู่
    หากจะเหมารวมว่าจิตทั้งหลายเป็นพุทธะอยู่แล้ว เราทุกคนเป็นพุทธะอยู่แล้ว ก็จะ
    ขัดแย้งกับคำสอนดั้งเดิมที่เคยสอนมาว่าพระพุทธเจ้ามีสัพพัญญูญาณ แต่อรหันต
    สาวกไม่มี เอาละ เรามีความเท่าเทียมกัน พัฒนาไปสู่พุทธะเหมือนกันได้ทุกคนก็
    จะมีสัพพัญญูญาณได้เหมือนกัน นี่คือ คำสอนที่เป็นความลับ ปิดไว้ และจะเปิดก็
    เมื่อหลังกึ่งกลางพุทธกาลเท่านั้นเอง ซึ่งผมก็ได้อธิบายมามากมายครับ (แต่บาง
    คนก็เอาแต่เถียง เพราะยึดถือคำสอนเดิม ของตนว่าถูกต้อง เลยไม่เข้าใจกันเลย)


    มีอะไรอีกมากมายที่แตกต่างกันนะครับ ผมก็โพสไปเยอะแยะแล้ว เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังอีกครับ
     
  4. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,425
    ค่าพลัง:
    +3,207
    แล้วพุทธะนี่หมายถึงเฉพาะพระพุทธเจ้าหรือเปล่าค่ะ
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    เปล่าครับ


    พุทธะ ก็อย่างหนึ่ง
    อนุพุทธะ ก็อย่างหนึ่ง
    มหาพุทธะ ก็อย่างหนึ่ง
    พระพุทธเจ้า ก็อย่างหนึ่ง


    เกรงว่ากล่าวมากไป เดี๋ยวจะกลายเป็นอวดรู้น่ะครับ
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,425
    ค่าพลัง:
    +3,207
    สนามพลังงานสากล ที่จริงแล้วก็คือ แดนสุญญตา
    สิ่งที่อยู่ ณ ดินแดนสุญญตา ที่เรียกว่า อายตนะนิพพาน
    หรือ นัยยะอีกความหมายเพื่อให้เรียกกันโดยสมมุติ ก็คือ จิตจักรวาล

    จึงสงสัยนะคะว่า จิตจักรวาล(ตัวรู้) เล่นงานเอา...นี่คือ..ไม่่น่าใช่
    เพราะคำว่าตัวรู้นั้น....น่าจะหมายถึง....วิญญาณ (ผู้รู้) ในขันธ์ห้า นะคะ

    ข้อความคลื่นความคิด....คือ

    การย้อนคืนแดนสุญญตาได้ ก็คือ การที่จิตวิญญาณนั้น
    ไม่ต้องย้อนกัลับมาสู่การเวียนว่ายตายเกิดหรือมีภพชาติใหม่อีก
    หมายถึง การนิพพาน หรือ การดับการเกิดดับได้อย่างสิ้นเชิงนั่นเอง

    แดนสุญญตาหรือ สนามพลังงานสากลที่อยู่นอกระบบเอกภพ

    ซึ่งโครงสร้างที่แท้จริงของจักรวาล ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
    มันคือที่ว่างอันไร้ขอบเขต เป็นสนามพลังงานสากล

    ที่เห็นหลาย ๆ คนทราบกันดีอยู่ว่ามีฉากดำเป็นเขตแบ่ง

    และทุกวันนี้ มนุษย์เองก็พบว่า........
    จักรวาลไม่ได้เชื่อมต่อกับโครงสร้างใด ๆ บนดาวเคราะห์โลกนี้
    จักรวาลไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจและการควบคุมใด ๆ ทั้งสิ้น
    จักรวาลถูกจัดวางออกมาจากภายใน เป็นรูปครึ่งวงกลม
    โดยมีจุดศูนย์กลางเป็นจุดรวมของ พลังงานความรักที่เป็นแสงสว่างและมีความร้อนสูง
    จักรวาลจะปรากฎการณ์ต่อเนื่องในลักษณะของการคลี่ขยายพลังงาน
    ออกมาจากจุดศูนย์กลางสู่ภายนอก และการม้วนตัวจากภายนอกเข้าสู่ภายใน
     
  7. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    นี่แหละ ที่ผมบอกว่า "ธรรมบางอย่างต่างกัน"


    และบอกอีกว่า "แล้วแต่ใครจะเชื่ออะไรก็เลือกกันไป"
    เลือกธรรมแบบจิตจักรวาล ก็จะได้เป็นเช่นนั้น
    เลือกธรรมแบบพระศากยมุนี ก็ไปอีกแบบ


    หากใครเลือกธรรมแบบจิตจักรวาลไปแล้ว
    ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปบอกธรรมของพระศากยมุนี
     
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,425
    ค่าพลัง:
    +3,207
    พุทธะ ก็คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน หรือ พระอรหันต์
    อนุพุทธะ ก็คือ บรรดาสีติมหาสาวก อัครซ้ายขวา ที่ช่วยประกาศธรรม
    มหาพุทธะ ก็คือ พระปัจเจกพระพุทธเจ้า
    พระพุทธเจ้า ก็คือ พระพุทธเจ้า

    เป็นการเปรียบเทียบในพุทธศาสนาเรา ประมาณนี้หรือเปล่าค่ะ..สงสัยค่ะ
     
  9. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูกหรอก
    เลือกแบบไหน ก็ได้แบบนั้น


    เราเลือกไปเป็น เป็นเช่นนั้นเอง
     
  10. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,425
    ค่าพลัง:
    +3,207
    เปล่าค่ะไม่ได้เลือกธรรมแบบไหน สิ่งใดที่ปฏิบัติแล้วพ้นทุกข์..ก็เป็นสิ่งเรียนรู้
    เป็นความรู้ที่เสริมเข้าไปในพระพุทธศาสนาเพื่อให้รู้กว้างขวางขึ้น
    ส่วนธรรมของพระพุทธเจ้านั้นก็ได้เรียนรู้จากพระไตรปิฎกมา
    และเห็นว่าแนวทางของสัจธรรมเข้ากันได้นะคะ
    ก็ถือว่าเป็นภูมิรู้ ภูมิปัญญา และ ภูมิธรรมของตนเองค่ะ
    สุดท้ายเป้าหมายปลายทาง...ก็พ้นทุกข์ค่ะ
    ส่วนจะเป็นแบบไหนหากถูกจริตเราแล้วมีความเป็นไปได้
    ก็ดำเนินไปตามทางนั้น...ไม่หลงทางก็เพียงพอค่ะ
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,425
    ค่าพลัง:
    +3,207
    และคิดว่าต้นธาตุต้นธรรม ก็อยู่ในกายใจนี้เราเองค่ะ
    นั่งสมาธิแนวดิ่งลงไป ผ่านคลื่นกระแสสั่นสะเทือนภายใน
    แล้วสัจธรรมแห่งความเป็นจริงก็อยู่ในกายใจนี่ค่ะ
     
  12. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,425
    ค่าพลัง:
    +3,207
    สติปัญญาสมองของมนุษย์มี 4 ระดับ
    1.จิตสัญชาตญาณ
    2.จิตปัญญา
    3.ปัญญาญาณ
    4.อริยญาณ

    "สัตว์ตัวหนึ่งหน้าเหมือนโค ตัวหนึ่งหน้าเหมือนมนุษย์ ตัวหนึ่งหน้าเหมือนสิงห์ และอีกตัวหนึ่งหน้าเหมือนนกอินทรีกำลังบิน

    สัตว์ทั้งสี่มีหกปีก มีตาทั้งรอบนอกและรอบใน ต่างร้องทั้งวันทั้งคืนไม่หยุด

    1.จิตสัญชาตญาณ จิตนี้เป็นระดับความสามารถเบื้องต้นขั้นพื้นฐานของจิต
    ที่สามารถนึกคิดรู้เองได้ ส่วนใหญ่แสดงพฤติกรรมหยาบ ๆ ก้าวร้าว
    เป็นสติปัญญาระดับต่ำของมนุษย์ เรียกว่า จิตสัญชาตญาณ

    "หน้าเหมือนโค"

    2.จิตปัญญา เพื่อการใช้สติปัญญาให้สูงขึ้น เกี่ยวกับความอยาก-ไม่อยากเท่านั้น
    เปรียบเหมือน "หน้ามนุษย์" จิตที่เหนือกว่าจิตสัญชาตญาณที่ใช้ความคิดรู้

    3.ปัญญาญาณ สติปัญญาระดับนี้ เป็นระดับที่สูงขึ้นที่ได้รับการฝึกฝนอบรมจิต
    เพื่อให้เกิด สติ และ ปัญญา เป็นเครื่องมือที่จะทำให้หลุดพ้นจากวงเวียนกรรม
    ถ้าหากสามารถเข้าถึงปัญญาญาณ จะสามารถข้ามพ้นกฎแห่งกรรมได้อย่างสิ้นเชิง
    จะไม่มีวันคิดผิด ตัดสินใจผิด กระทำผิด มนุษย์จะไม่เกี่ยวกรรมกับใคร ๆ
    จะสามารถฝันฝ่าบททดสอบบทเรียนของโลกที่เกี่ยวข้องกับคนอื่นได้อย่างสง่างาม
    หรือ ปฏิบัติตามมรรค 8 ได้อย่างสมบูรณ์ หน้าจึงเหมือน "หน้าสิงห์"
    ผู้เป็นจ้าวแห่งสัตว์ทั้งปวงเพราะมากด้วยปัญญาเหนือกว่าสัตว์ทั้งปวงนั่นเอง

    4.อริยญาณ เป็นสติปัญญาสูงที่สุดของมนุษย์ที่ใช้ เพื่อการเรียนรู้ตนเอง
    โลก และ จักรวาลในเรื่องที่ยากที่สุดที่สติปัญญาในระดับอื่นไม่อาจเข้าถึงได้
    และยังเป็นพลังอำนาจสูงสุดทางจิตวิญญาณของมนุษย์ที่จะสามารถติดต่อ
    สื่อสองทางกับองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่ ในแดนสุญญาตานอกระบบเอกภพอันไกลโพ้น
    ด้วยกระบวนการที่มนุษย์เรียกกันเองว่า Vertical Telepathy หรือ การสื่อสารทางจิตในแนวดิ่ง

    มนุษย์จะสามารถเข้าถึงอำนาจสูงสุดแห่งอริยญาณนี้ได้ก็ต่อเมื่อ
    จะต้องสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุดทางจิตวิญญาณให้ได้
    จะเข้าแรงสั่นสะเทือนสูงสุดนี้ได้ จิตจะต้องเป็นสมถะแท้จริงเท่านั้น
    จึงจะสามารถสั่นสะเทือนขั้นสูงสุดนี้ได้

    จิตที่เป็นสมถะอย่างแท้จริง คือ สภาวะจิตที่ถึงขั้นอุเบกขาอย่างถาวรแล้วนั่นเอง

    เพราะการที่มนุษญ์จะยกระดับจากการใช้ปัญญาณ สู่อริยญาณขั้นสูงสุดนี้ได้นั้น
    มันต้องอาศัยพลังจิตขั้นสูงสุดที่ได้จากแรงสั่นสะเทือนอารมณ์ด้านบวกเท่านั้น

    แน่นอนการฝึกตนเองอย่างเคร่งครัดเท่านั้น จะเป็นหนทางเดียวที่จะสื่อสารในแดนสุญญตา

    เหมือนนกอินทรีกำลังบิน

    พระศาสดาแห่งโลกทั้งหลายในแต่ละยุคสมัย
    ล้วนทรงเข้าถึงการใช้สติปัญญาขั้นสูงสุดในระดับ 4
    เพื่อรับเอาสัจธรรมทั้งหลายมาเผยแพร่
    เพื่อสร้างจิตสำนึกทางวิญญาณให้แก่มวลมนุษย์โลกกันทั้งสิ้น

    คลื่นความคิดจากจิตจักรวาล เป็นการแบ่งบันข้อมูลแก่ผู้สนใจได้ช่วยกันพิสูจน์รู้
    เพื่อค้นหาความจริงและความถูกต้องให้กว้างขวางขึ้นนั่นเอง...อ.ปริญญา

    สาเหตุที่นำมาลง ก็เพราะประสบการณ์ในข้อ 4 ที่ได้พิสูจน์รู้มาด้วยตนเอง
    แม้จะเพียงชั่วขณะนะคะ


    ประสบการณ์ของตนเองได้ตรงกับสิ่งที่ได้อ่านหลายอย่างมาก ก็จึงนำมาแชร์
    เป็นเพียงแค่ประสบการณ์เท่านั้นค่ะ แต่ยังไม่ใช่คุณสมบัติของตัวเองค่ะ
     
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,425
    ค่าพลัง:
    +3,207
    บางทีคิดว่าจิตจักรวาลคือ ธรรมของพระเจ้า
    หรือ การรับใช้พระเจ้า...ไม่น่าจะใช่ค่ะ
    บางทีการตั้งปราถนาการช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์
    ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งให้ได้รู้ธรรมอย่างกว้างขวาง
    นั่นคือ..อดีตค่ะ
     
  14. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,425
    ค่าพลัง:
    +3,207
    หากศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ
    ทำอย่างไรให้ดำรงมั่นอยู่ในศีลธรรม คุณธรรม
    ให้ปฏิบัติตามแนวทางศีล สมาธิ ปัญญา
    และดำรงตั้งจิตมั่นถึงสภาวะนิพพาน
    สิ่งนี้จะทำให้เราไปถึงนิพพานอย่างแน่นอน

    สัจจะของจิต นิพพาน สำคัญที่สุด
     
  15. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,425
    ค่าพลัง:
    +3,207
    บางคนหลงทางเชื่อว่า กฎแห่งกรรมไม่มีจริง
    เพียงเขาคิดว่า สิ่งที่เขาเป็นอยู่นี้คือตัวตนที่แท้จริงของเขา
    ไม่ว่าจะปฏิบัติอย่างไร ต้องเห็นสักกายะทิฐิตามความเป็นจริงให้ได้เสียก่อน
    จึงจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ให้เดินไปไม่หลงทางค่ะ
     
  16. loongken

    loongken Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +29
    อุปมาอุปมัยง่ายๆยังงี้ได้มั้ย?
    สมมตว่าในสมัยของพระพุทธเจ้า พวกพราหมณ์บอกว่า มีสถานที่แห่งหนึ่งคือยอดเขาเอเวอร์เรสในเทือกเขาหิมาลัยซึ่งหนาวเย็นอย่างยิ่ง
    พระพุทธเจ้าไปถึงแล้วที่ยอดเขาแล้วและคิดว่าไม่ใช่ มันต้องมีที่อื่นอีก แล้วพระองค์ก็เดินทางขึ้นเหนือผ่านรัสเซียต่อไปจนเจอ"ขั้วโลกเหนือ"
    พระพุทธเจ้ากลับมาบอกว่า "ขั้วโลกเหนือนี่แหละเป็นที่สุดของแดนหนาวเย็นแล้ว" ถ้าใครจะไปก็ให้เดินตามทางที่บ่งบอกว่า"มรรค8"
    คุณfrozen flowerกำลังจะบอกว่าคุณรับรู้มาว่า นั่นยังไม่ใช่ที่สุด ต้องเดินทางฝ่ามหาสมุทรแปซิฟิคไปอีก จึงจะเจอ"ขั้วโลกใต้"
    ซึ่งหนาวเย็นยิ่งกว่า อาณาเขตไพศาลกว่าอีก

    อุปมาว่า ยังงั้นมั้ย?
     
  17. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ประมาณนั้นครับ


    พระพุทธศาสนามีอายุ 5,000 ปี พระพุทธเจ้าสำเร็จนานแล้ว แต่รอ
    ให้ปวงสัตว์ที่เดินช้า ได้ค่อยๆ เดินตามพระองค์มาได้ทัน พระองค์จึง
    ไม่ได้เปิดเผยธรรมทั้งหมดในชาติเดียว คราวเดียว ธรรมบางอย่างได้
    ถูกปกปิดไว้ และเปิดเผยหลังพระสมณโคดมละสังขารไปนานแล้วก็มี
    เช่น อวตังสกสูตร เป็นต้น พระสมณโคดมคือ ผู้หว่านเมล็ด ไว้ดังนี้

    1 พระธรรมตามปรัชญาปารามิตาสูตร
    2 พระธรรมตามอวตังสกสูตร
    3 พระธรรมตามสัทธรรมปุณฑริกสูตร

    ผู้ที่สำเร็จแล้วในขั้นแรก อย่าได้ยึดติดธรรมะ ยึดติดธรรมะก็คือ อัตตาในธรรม
    หากไม่ยึดติดธรรมะ จึงเป็นอนัตตา เมื่อเป็นอนัตตาแล้วก็เข้าสู่ธรรมในระดับที่
    สูงขึ้นได้ต่อไป คือ อวตังสกสูตร สำเร็จแล้วจึงรับ "สัทธรรมปุณฑริกสูตร" ได้


    ซึ่ง สัทธรรมปุณฑริกสูตร ผมได้อาสาช่วยอธิบายขยายความเพิ่มเติมจากของเดิมที่มีมาแล้วครับ
     
  18. loongken

    loongken Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +29
    ถ้าประมาณนั้น...
    การรอให้ผู้คนเดินทางมาถึงขั้วโลกเหนือแล้วค่อยบอกต่อ มันจะมีจำนวนสักเท่าไหร่?หนอ ท่านมิเสียเวลารอล่ะหรือ? และจะเป็นอะไรที่คล้าย ชุบมือเปิบไปไหม?
    ทำไมไม่ประกาศเส้นทางใหม่อีกทางไปเลย ให้ล่องมหาสมุทรอินเดียลงทางทิศใต้อย่างเดียว ง่ายกว่า อุปสรรคน้อยกว่า ถึงจุดหมายยิ่งกว่าล่ะท่าน?
    คนที่อยากลองของใหม่ คงมีไม่น้อยเลยนะ
    อย่างน้อย เราก็คนนึงล่ะที่อยากลองดู
    ว่าแต่ต้องประชาสัมพันธ์ให้มันเร้าใจ น่าสนใจ หน่อยนะ
    (ขอโทษที่ไม่ถนัดบาลีสักเท่าไหร่ ใช้ภาษาบ้านๆ )
     
  19. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ก็ดีนะครับ


    แต่มีปัญหาเรื่อง "เงื่อนเวลา" นะครับ
    ของใหม่ เส้นทางใหม่ ยังไม่ถึงเวลาเปิดครับ

    หากใช้เส้นทางของพระศากยมุนี จะกระทบโลกน้อยที่สุด
    เรียกว่าเป็นธรรมที่เหมาะสมกับยุคสมัยปัจจุบัน มากที่สุดน่ะครับ
     
  20. loongken

    loongken Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +29
    เมื่อยังไม่ถึงเวลา ฉายหนังตัวอย่างหน่อยได้ไหม ตัณหาอยากรู้บังเกิดแล้ว
    (โทดครับ พูดเล่น)

    งั้นตอนนี้ช่วยสนับสนนให้คนไป ขั้วโลกเหนือได้ถูกทาง ได้จำนวนมากขึ้น ดีกว่าไหม?

    ยุคพระพุทธเจ้า "นิพพาน"น่าจะเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายในสมัยนั้น
    อีก2000ปีข้างหน้า "อินเตอร์เนท"อาจจะเป็นอะไรที่เข้าใจยากแล้วในยุคนั้น
    "ป่วกะสพัhoo88r6rtbfb" อะไรก็ไม่รุ ยุคต่อๆไป เฮ้อ
     

แชร์หน้านี้

Loading...