สมาธิหมุน (อธิบายสำหรับคนที่นั่งสมาธิเเล้วเกิดอาการต่างๆ)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 15 มิถุนายน 2009.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    คำอธิบายของผู้ปฏิบัติที่มีองค์เกี่ยวกับอาการหมุน

    เเละการขยับของการปฏิบัติขณะนั่งสมาธิคะ

    เหมาะสำหรับ ผู้ฝึกพลังจิต

    จะได้เข้าใจว่า การขยับท่าทางต่างเป็นเรื่องของการเคลื่อนไหวของจิตภายใน

    โดย: พระมหาสีไพร อาภาธโร

    [​IMG]

    หลวงพ่อ เรียนรู้การทำสมาธิ เพื่อรักษาโรคเเละแก้วิบากกรรมในอดีตคะ





    [bigvdo]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=26537[/bigvdo]​


    สามารถฟังเพิ่มเติมเเละฝึกได้ที่ :​

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2011
  2. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821
    -*-
    ขณะนี้ปวดท้อง มากมาย รู้สึกเกร็งๆๆมาก
    กำลังฟังบมสวด แต่ว่า
    ทำไมมันเปิดมาฟังทีเดียวตั้งสี่อันเลย
    ตอนนี้มีเพลง กวนอิม สองเพลง แผ่เมตตา และดุริยมนตรา
    ฟังทีเดียวพร้อมกัน-*- รู้สึกเหมือนอะไรมันจะออกมา ทรมานมากมาย
    สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2009
  3. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ท่องไว้ ทุกข์ทางกายเกิดจากวิบากกรรม

    เมื่อใดที่เขาต้องการเอาคืนเขาจะเเสดงออกให้เราทุกข์กายทุกข์ใจ

    ฟังบทสวดมนต์ เเล้วอย่าลืมเเผ่เมตตาให้เขาด้วย

    จิตเขาจะได้หลุดเป็นอิสระจากตัวเรา

    ทนอีกนิดเดียว จิตเจ้ากรรมนายเวรหลุดออกมากายจะสว่างเอง

    สบายโล่งเมื่อไร เเสดงว่า เขาไปเเล้วนั้นเอง นะเอย นะเอย
     
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ชลบุรี
    สนใจสอบถามเพิ่มเติม

    ติดต่อ พระมหาสีไพร 081-006-0504

    http:/www.sripai.com
    อบรมทุกศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ สิ้นเดือน
    ที่วัดศรีวนาราม ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

    [​IMG]

    กรุงเทพ
    ลงทะเบียนปฏิบัติ หรือรับแผ่น CD, VCD การฝึก
    ติดต่อ สถาบันโรสแมริน สถาบันดูแลสุขภาพผม
    สาขามาบุญครอง 0-2626-0194-5
    สาขาถนนเพชรบุรีตัดใหม่ 0-2314-5151
    หรือคุณรสริน 081-900-6441, 086374-9309

    ติดตามฟังรายการทางวิทยุ คลื่น FM 89.5
    ทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.00-16.00<!-- google_ad_section_end -->
     
  5. neung48

    neung48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +457
    เหมือนหมุนลูกข่างไหมอ่า หมุนๆๆ มีแรกหมุนก็ตั่งอยู่ หมดแรงหมุนก็ล้มไป
     
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เมื่อนั่งสมาธิและจิตได้ปฏิบัติเข้าไปสู่สภาวะธรรมเเล้ว จิตจะเข้าไปทำงานดังนี้

    1. จิตจะเข้าไปรักษาอาการป่วย เเละ โรคภัยไข้เจ็บทั้งหมด


    2. จิตจะเข้าไปปลดปล่อยความคิดใน ปัจจุบัน

    ที่เก็บกด เคียดเเค้น อาฆาต ฯลฯ จนสมองโล่งเเละว่าง

    3. จิตจะเข้าไปปลดปล่อยสิ่งที่ไม่มีเหตุผลที่ขึ้นมาจากอารมณ์

    เเละจิตวิญญาณของเราในอดีต เรียกว่า อาสวะกิเลส

    หรือ จิตใต้สำนึก เป็นต้นเหตุของโรคภัยไข้เจ็บ

    4. เมื่อมีสมาธิมากพอจะเกิดปรากฎการณ์ เหนี่ยวนำพลังงานมาใช้

    เมื่อเรามีสมาธิจิตจะสื่อกับพลังงานต่างๆได้

    เช่น เจ้าเเม่กวนอิม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่างๆทั้งหลายได้ (จริงเเล้วเป็นพลังงานภายในของตัวเราที่เเผ่ออกไป)
     
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    พลังจิต เกิดจาก ความรู้สึก คือ นาม + รูป

    ดังนั้น ถึงบอกว่า ความรู้สึก เเละ ความนึกคิด คือ ศรัทธาในการสื่อกับโลกวิญญาณ

    การเเก้กรรม เเท้จริงเเล้ว เราไม่จำเป็นเลย ต้องไปให้ใครมาเปิดกรรมให้

    ว่าคุณเคยฆ่าหมู ฆ่าสัตว์ ลักขโมย (ย้ำว่าไม่จำเป็นต้องรู้สาเหตุ)

    เเต่เมื่อคุณรู้ปลายเหตุ ให้คุณ เจาะไปที่ปลายเหตุเลย เช่น ป่วยเป็นโรคอะไร

    หรือ เป็นหนี้สิน โดนคนรักทิ้ง สิ่งเหล่านี้ คือ วิบากกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น

    ดังนั้น คุณให้นำเอา ปลายเหตุ ขอโทษได้เลย

    เจ้ากรรมนายเวร มีหลายชุดค่ะ ตั้งเเต่เกิด จนโตดังนั้น

    ถ้าคุณ เลือกที่จะเสียเงินทุกครั้งที่ทุกข์คงเสียเงินไม่ใช่น้อย

    ให้คุณกล่าวขออโหสิกรรม (จากใจจริง) ว่าคุณขอโทษเเละเข้าใจเเล้วว่าคุณทุกข์จริงๆ

    ขออโหสิกรรมให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ (โดยเฉพาะเวลาทุกข์กายหรือใจมากๆ)

    ให้ขออโหสิกรรม เเละ แผ่เมตตาบ่อยๆ เเละ ไม่ลืม ปฏิบัติธรรมตลอดเวลา

    ปฏิบัติธรรมตลอดเวลา คือ รู้กาย รู้จิต ถือ ศีล ทาน สมาธิ อยู่เสมอ

    ไม่ต้องกำหนดวัน เเต่ปฏิบัติในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องกำหนด (จนกว่าอาการทุกข์จะทุเลา)

    เพราะ เราไม่รู้ว่าเจ้ากรรมนายเวร ชุดต่อไปจะมาเมื่อไร

    การขออโหสิกรรมเป็นประจำทุกวัน เเละ แผ่เมตตาบ่อยๆจนกลายเป็นชีวิตประจำวัน เท่านี้

    ความทุกข์จากวิบากกรรมจะถูกคลี่คลายออกมาที่ละนิด

    ปล่อยให้อารมณ์จากอดีตคลายออกมา และ ปลดปล่อยความรู้สึกจากหัวใจ

    เมื่อพลังบริสุทธิ์พลังเเห่งความปลอดโปร่งขึ้นมา เริ่มมีความสุขกับการปฏิบัติธรรม

    พลังจิตจะเกิดเป็นเเสงสว่าง ในจิตของเราจะรักษาได้ทุกกรรมที่เราเคยสร้างมาค่ะ

    ถ้าปฏิบัติธรรมอย่างเสมอต้นเสมอปลาย จะดีที่สุดคะ เหมือนกับการปลูกต้นไม้

    ต้องหมั่นรดน้ำพรวนดินให้กายเเละจิตของเรา

    ความทุกข์ทางกายเเละทางใจ จะหายไปอย่างถาวรคะ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2009
  8. สองโลก

    สองโลก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +12
    เคยไปมาเมื่อสองเดือนที่แล้วครับ เห็นมีคนมาเยอะมาก ผมลองนั่งหมุนตามที่พระอาจารย์บอกก็รู้สึก แปลกดี แต่ว่าไม่มีอาการอะไร เห็นแต่คนอืนมีอาการหลายคนเลย บางคนรำ บางคนโยก บางคนก็ร้องไห้ครับ ตกใจหมดเลยพึ่งเคยเห็น แล้วก็เมื่อวันก่อนทางสถาบันก็โทรมาบอกว่าตอนนี้มีปฏิบัติที่ถนน เพชรบุรีตัดใหม่ด้วย รู้สึกว่าจะเป็นวันพุท ตอน 17.00-20.00 น.แต่ก็ไม่แน่ใจเรื่องเวลา ยังไงลองสอบถามดูอีกทีนะครับ.
     
  9. ป๋าปี๋ปู้

    ป๋าปี๋ปู้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +270
    สาธุ

    ขอบคุณค่ะ ตะละแม่

    เจอมากับตัว สำนึกผิดจริงๆเลย ไปทำกับเขาไว้

    ตอนนี้ก็ขอโทษเจ้ากรรมนายเวร และ แผ่เมตตาให้เขา

    เพราะที่เราทำกับเขามาได้ส่งผลมาให้เรา
     
  10. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,255
    ขออนุโมทนา สาธ ๆ ในการเผยแพร่พระธรรม และอื่น ๆ ด้วยนะครับ
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ตี แปลว่า กด ทำให้เข้ากัน

    ลัญจกร แปลว่า รูปแบบ หรือตราที่ประทับ

    ตีลัญจกร จึงเป็นศัพท์บัญญัติที่หมายถึง การทำมือเป็นตรา เป็นรูปแบบ

    ลัญจกร ที่นำมา ตี นั้นมาจากหัตถ์พระพุทธองค์ หรือ ปางมือ ของพระอรหันต์ 500 องค์ ในพุทธศาสนานิกายมหายานและวัชรยานในทิเบต ซึ่งแตกต่างจากปางมือในพุทธศาสนานิกายหินยาน

    ปางมือ ในพุทธศาสนาหินยานเป็นปางมืออย่างหนึ่ง ในสายวัชรยานก็อีกอย่างหนึ่ง ทั้งหมดมี 590 กว่าท่า แบ่งออกเป็น 3 ภาค คือ รักษาโรค, แผ่เมตตา และเจริญปัญญา ซึ่งก็คือเคลื่อนลมปราณนั่นเอง
    ส่วนปางมือเก้าคำศักดิ์สิทธิ์นั้นมาจากตำราลัทธิเต๋าผอพ่อจื่อ แต่งโดยเก๋อหงสมัยราชวงศ์ตังจิ้น มีเนื้อความว่า "ผู้เผชิญกองทัพส่วนเรียงรายอยู่เบื้องหน้า มองอย่างพินิจโดยไม่หลีกลี้" โดยเก้าคำศักดิ์สิทธิ์ที่นำมาเป็นปางมือนั้นคือ


    "ผู้เผชิญทัพล้วนเรียงรายเบื้องหน้า"

    ริน - เบียว - โต - ฉะ - ไค - จิน - เร็ทสุ - ไซ - เซ็น

    (ออกเสียงตามสำเนียงภาษาญี่ปุ่น)
    [​IMG]
    เก้าคำศักดิ์สิทธิ์เน้นที่จิตวิญญาณ ไม่เน้นรูปลักษณะ เคล็ดการฝึกปางมือเก้าคำศักดิ์สิทธิ์มีดังต่อไปนี้

    "ยามเคลื่อนปางมือไปข้างหน้าให้ผ่อนลมหายใจออก
    ยามดึงปางมือกลับมาให้สูดลมหายใจเข้า
    ยามยกปางมือขึ้นบนให้ผ่อนลมหายใจออก
    ยามดึงปางมือกลับมาให้ผ่อนลมหายใจเข้า
    ขณะฝึกปางมือให้รวมศูนย์ประสาทและจิตสำนึกไปที่ปลายนิ้วตลอด
    ขณะฝึกจะต้องเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องไม่ให้ขาดตอนดุจสายน้ำ
    ตอนยกปางมือไปข้างหน้า หรือเหนือหัวจะต้องใส่แรงเข้าไปชั่วพริบตาด้วย ฝึกปางมือได้ทุกเวลา และไม่จำกัดสถานที่"

    ความหมายของปางมือทั้งเก้าคือ

    ริน (เผชิญ) - คือการมุ่งใจที่ไม่หวั่นไหว เรียกว่า ปางพื้นฐานไม่เคลื่อน เพื่อไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากทั้งปวงและมีพลังกายที่เข้มแข็ง
    เบียว (ทัพ) - คือการทำให้มีอายุยืน ปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บ และเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต เรียกว่า ปางวัชระ
    โต (สู้) - คือความกล้าหาญที่จะยืนหยัดต่อสู้ เรียกว่า ปางราชสีห์นอก
    ฉะ (ผู้) - คือการช่วยเยียวยา รักษา หรือบำบัดผู้อื่น เรียกว่า ปางราชสีห์ใน
    ไค (ล้วน) - คือการเข้าใจจิตใจของผู้อื่น เรียกว่า ปางร้อยรัดนอก
    จิน (เรียง) - คือการรู้จักชะตากรรมของตนเองและเปลี่ยนแปลงมันได้ เรียกว่า ปางร้อยรัดใน

    เร็ทสุ (แถว) - คือการมุ่งช่วยเหลือผู้อื่นเป็นหลักเพราะสำเร็จกิจของตนแล้ว เรียกว่า ปางหมัดปัญญา

    ไซ (อยู่) - คือการดิ่งลึกลงเรื่อยๆ ในการช่วยเหลือผู้อื่น เรียกว่า ปางดวงสูรย์
    เซ็น (เบื้องหน้า) - คือการกลายเป็นพุทธะ เรียกว่า ปางกุณฑี

    การผนึกปางมือต้องรวมกาย - วาจา - ใจ ให้เป็นหนึ่งเดียว เป็นการทำสมาธิและฝึกลมปราณรูปแบบหนึ่ง ในนิยายกำลังภายในหรือแม้แต่การ์ตูนหลายเรื่องก็นำวิชาปางมือนี้ไปใช้ เช่น ฉีจื่อหลิง (มังกรคู่สู้สิบทิศ : หวงอี้)ลุ้ยซุ่ง (ชุดสุยอดศัสตราวุธ : อุนสุ่ยอัน)รวมไปถึงการใช้กระบวนท่าฝ่ามือยูไลที่เคยนำเสนอไปแล้วจะเห็นว่าก่อนจะใช้แต่ละกระบวนท่าตัวเอกก็ต้องผนึกปางมือก่อนเช่นกัน

    การทำปางมือนั้นผู้ใช้ต้องสวดมนต์หรือออกเสียงควบคู่ไปด้วย เพราะเชื่อว่าเสียงจะช่วยปรับการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายให้เคลื่อนไหวกลับมาทำงานอย่างเป็นระเบียบ (ในกรณีฉีจื่อหลิงการตวาดคำศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นการทำลายสมาธิคู่ต่อสู้ด้วยเช่นกัน)

    การทำปางมือก็เปรียบเสมือนตัวเชื่อมระหว่างเสียงสวดกับอวัยวะภายใน ซึ่งก่อนอื่น ต้องมีพื้นฐานความเข้าใจก่อนว่าตามภูมิปัญญาตะวันออกนั้น ในร่างกายของเราที่เคลื่อนไหวได้นั้น เกิดจากทำงานได้ด้วยระบบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การขับดันของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

    อวัยวะในร่างกายแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้พลังหยิน อีกฝ่ายหนึ่งให้พลังหยาง

    ฝ่ายที่ให้พลังหยิน คือ หัวใจ ปอด ไต ม้าม ตับ เยื่อหุ้มหัวใจ

    ฝ่ายที่ให้พลังหยาง คือ กระเพาะอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ถุงน้ำดี ฯลฯ

    หยาง-หยินคือขั้วบวก-ขั้วลบนั่นเอง

    ในหัวใจจึงมีโมเลกุลที่เรียงตัวเป็นเหนือ-ใต้ เหนือ-ใต้ เรียงตัวเป็นระเบียบมันก็จะสั่นสะเทือนและจะเป็นคลื่นวิ่งไปตามเส้นลมปราณต่าง ๆ

    ในฝ่ามือเราจะเหมือนกับฝ่าเท้า คือ มีจุดสะท้อนของอวัยวะภายใน, มีเส้นลมปราณ 6 เส้น ด้านหน้า 3 เส้น ด้านหลัง 3 เส้น มือข้างหนึ่งมี 6 เส้น ถ้ามือสองข้างรวมกันเป็น 12 เส้น การประนมมือเป็นท่าต่าง ๆ คือ กด รัด พับ เชื่อม เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาที่เส้นลมปราณสะท้อนไปถึงอวัยวะภายใน

    ร่างกายเมื่อได้รับการกด รัด พับ เชื่อม ในการทำปางมือต่างๆ ตามที่ได้ฝึกฝนมาแล้ว จะเกิดการเคลื่อนไหว เมื่อถึงจุดหนึ่งมือจะหมุนขึ้นมาเองโดยที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำ

    ปางมือแบบนี้ญี่ป่นเรียกว่า คุจิ-อิง ในสมัยก่อนถือเป็นหัวใจของการฝึกวิชานินจาเลยทีเดียว ซึ่งการฝึกปางมือนี้ก็คือการฝึกจิตของตนให้เข้าถึงแก่นแท้สรรพสิ่งทั้งมวล เมื่อเข้าใจถึงแก่นแท้แล้วก็จะเข้าใจความสัมพันธ์ของที่มาแห่งพลังต่างๆ และสามารถนำพลังนั้นออกมาใช้ได้โดยไม่เกิดอันตรายกับตนเอง
    ศาสตร์แห่งนินจาเชื่อว่าการประสานมือเป็นการโอบล้อมทำให้เกิดพลัง อันประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ (ชิ - ซุย - ฟุ - กะ) เมื่อผู้ใช้ตั้งมั่นอยู่ในสมาธิอันแน่วแน่จะสามารถบังคับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอารมณ์ สภาพบรรยากาศอันกดดัน และผนึกสมาธิให้ตั้งมั่นได้อย่างสูงสุด ซึ่งรากฐานของการประสานมือนี้ก็ถูกผนึกให้เข้ากับการกำหนดลมหายใจแบบวิปัสนาของพุทธ

    เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นการทำปางมือในแบบของนินจา หรือนิยายกำลังภายในก็ล้วมมีที่มาเหมือนกัน นั่นคือการทำสมาธิและฝึกจิตในแบบพุทธศาสนา เป้าหมายสูงสุดของการทำปางมือไม่ใช่เพื่อให้เอาไว้สู้กับใคร แต่มีไว้เพื่อมุ่งชำระใจของตนให้ถึงซึ่งพุทธะนั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2009
  12. access

    access เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +175
    การหนังสมาธิหมุนนั่งปกติแล้วใันหมุนหรือเปล่าค่ะ ช่วยอธิบายด้วยค่ะ เหมือนคุณสองโลกพูดค่ะ เคยนั่งวิปัสนาแล้วเกิดสถาวะปิติ เห็นพระว่านะค่ะ คือ ตัวหมุนแบบเริ่มจากขวารอบไปซ้ายเหมือนพระพรหม สี่หน้านะค่ะ เหมือนจิตหมุนเวี่ยงๆรอบๆจากเร็วและช้าๆลง สุดท้ายเมื่อจิตมันหยุดหมุน เราจะเห็นหน้าเราอยู่ตรงจากนั้นก็มีแสงสว่างมาอันนี้เป็นช่วงที่นั่งไปได้ 15 นาทีนะค่ะ ตอนเริ่มฝึกนั่ง แต่ช่วงที่หมุนนะรู้สึกสบายค่ะ สบายจนไม่อยากออกเลย พระท่านว่าอย่าไปติดกับมันเค้าเรียกว่าปิติใช้ไหมค่ะ
    แต่ไม่มีการออกท่าทางนะค่ะ ก็เลยไม่เข้าใจว่า สมาธิหมุนนี้เป็นอาการที่เกิดตามสภาวะจิตรึเปล่าค่ะ
    อืม ครั้งแรกที่ฝึกมโนมยิธิสมัยเด็ก ราว 13 ได้นะค่ะ ที่วัดหลวงพ่อฤาษี จะเกิดอาการหมุนเหมือนที่เห็นในคลิปนะค่ะ อาจารย์พระครูท่านบอกว่าให้หยุดภาวนา แล้วให้น้อมเข้าไปกราบองค์สัมมาสัมพุทธเจ้านะค่ะ เพราะตอนนั้นจะได้ว่ากลัวค่ะกลัวมันล้มเพราะมันหมุนแล้วโน้มลงจนจะติดพื้นนะค่ะ เค้าว่าเป็นอาการปิติ แต่ละครั้งจะเกิดต่างๆไปแล้วแต่จริตคนๆนั้น
     
  13. access

    access เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +175
    แต่ปกติอาการหมุนของจิตบางครั้งจะเกิดแม้แต่สวดมนต์นะค่ะแต่ตอนนี้ไม่เกิดแล้วค่ะ พอลองนั่งเมื่อวานประมาณ 10 นาทีจะรู้สึกชาแล้วสบายๆตัวจากนั้นจะเห็นแสงสว่างมากมาทางซ้าย อันนั้นหมายความว่าอย่างไรค่ะ แต่ไม่ได้ภาวนาอไรนะค่ะแค่ลองทำจิตว่างๆนะค่ะ แสงนั้นจะมาเหนือ กระหม่อมตาข้างซ้ายนะค่ะ ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ พอดี อยากลองทำดูนะค่ะ
    อืมแต่ไม่เอาวิธีถอดจิตนะค่ะ เพราะเคยจิตจะออกอยู่ครั้งประมาณเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา คือ นอนกลางวันอยู่นะค่ะ แล้วจิตมันลุกขึ้น คือท่าที่นั่งยืดขานะค่ะ แล้วหันไปเห็นร่างนอนอยู่ เลยนอนทับลงไปแล้วก็ลุกขึ้นมาทั้งตัวนะค่ะ คิดว่าตอนนั้นถ้าออกไปคงตายเลยมั่งคะ อันนี้ก็ไม่รู้ค่ะ เห็นคนเขาว่าคงเป็ฯอาการเพลอเพระาตอนนั้นจะลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่ร่างไม่ไปมั่งค่ะ เห็นคนว่างั้น นะค่ะ อันนี้ก็ขอรบกวนผู้รู้ช่วยแนะนำนะค่ะ ตั้งนานแล้วไม่ได้นั่งสมาธิอีกเลยนะค่ะ
     
  14. ป๋าปี๋ปู้

    ป๋าปี๋ปู้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +270
    ร่างกายจะหมุนก็ปล่อยมันหมุน

    ทำไมต้องคิด? ร่างมันไปเอง

    ไม่รู้สิ ช่วงที่หมุนเนี่ย สื่อสารกับเจ้ากรรมนายเวร

    .......อืม........ สารพัดท่าทาง
     
  15. access

    access เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +175
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ป๋าปี๋ปู้<!-- google_ad_section_end --> ค่ะ ร่างกายจะหมุนก็ปล่อยมันหมุน

    ทำไมต้องคิด? ร่างมันไปเอง

    ไม่รู้สิ ช่วงที่หมุนเนี่ย สื่อสารกับเจ้ากรรมนายเวร

    .......อืม........ สารพัดท่าทาง<!-- google_ad_section_end -->
    คือไม่ได้คิดนะค่ะ เมื่อนั่งได้ระยะหนึ่ง มันก็หมุนเองค่ะ ตามที่บอกจากหมุนเร็วและก็ช้าลง ในขณะที่หมุนจะรู้สึกสบายค่ะ แล้วพอหยุดภาวนามันจะค่อยหยุดและจิตจะเข้าสภาวะปกติคือนิ่งและสว่างซึ่งตรงนี้ไปถามอาจารย์ที่ท่านฝึกพระท่านบอกว่าเค้าเรียกว่าเกิดปิติ ซึ่งมั่นจะเกิดตามจริตของแต่ละคน ท่านบอกไม่ให้ติดอยู่กับมันเพราะถ้าติดมันจะไม่ไปไหน
    ซึ่งปกติ เป็นคนนั่งจะไม่เห็นอะไรอยู่แล้วค่ะเกิดแต่ปิติแล้วก็นิ่งค่ะ คือรู้สติตามสติตลอดค่ะ พอดีว่าท่านบอกว่าเป้นคนที่สติมันเร็วเพราะเวลานั่งมันจะปวดจากจุดหนึ่งแล้วไม่นาก็หายจากนันก็เลื่อนไปเรื่อยๆตามจุดต่างๆของร่างหายค่ะเริ่มที่เข่า ซ้ายก่อนแล้วไปขวาจนถึงไหล่ค่ะ จากนั้นจะไม่ปวดอีกเลยค่ะ เวลานั่งพอผ่านตรงนั้นไป
    ส่วนจะสื่อกับเจ้ากรรมยังไงไม่ทราบค่ะ เพระาไม่เคยสื่อกับอะไรได้ค่ะ และไม่เคยมีสัมผัสที่ 6 ค่ะ เพราะเป็นตัวเองตลอดค่ะ ผีก็ไม่เคยเจอ อะไรที่ไม่ใช่คนไม่เคยเจนะค่ะ สัมผัสไม่ได้ค่ะ เลยไม่เข้าใจนะค่ะว่าที่สมาธิหมุนอันเดียวกันรึเปล่าเพราะไม่ออกท่าทางค่ะ ปกติเวลาไปวิปัสนาสายหลวงพ่อจรัญค่ะ นั่งเต็มกำลังค่ะ ตามที่ทางวัดกำหนดนะค่ะ
     
  16. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870

    การนั่งสมาธิเเล้วเกิดอาการหมุน เเละ ออกท่าทางต่าง เกิด จาก การปลดปล่อยจิตค่ะ

    1. เมื่อเราขยับ จิตใต้สำนึกเรา จะเหวี่ยงไปตามจุดต่างที่ผิดปกติ เพื่อรักษา

    (โดยที่จิตสำนึกไม่ทราบเเต่จิตใต้สำนึกทราบ) เป็นการใช้ จิตรักษาตัวเองค่ะ

    2. ปลดปล่อยสภาวะความตึงเครียดหรือ สิ่งที่จิตเก็บกด ณ ปัจจุบัน

    3. ปลดปล่อยสภาวะความตึงเครียด ใน อดีต

    (ไม่ว่าจะอดีตไม่นาน หรือ ชาติที่เเล้ว) หรือ ที่เรียกว่า เจ้ากรรมนายเวร

    4. เมื่อปลดปล่อยออกมาหมดให้ตามรู้ตามดู จะเกิดอาการท่าทางอย่างไร อันนี้เป็นจิตดั่งเดิมค่ะ


    การนั่งสมาธิ เเบบหลวงพ่อจรัญ คือ การกำหนด และ เพ่งสมาธิ

    เพื่อให้จิตเราไม่สอดส่ายไปคิดเรื่องอื่น เพื่อไม่ให้จิตฟุ้งซ่านคะ

    เป็น กุศโลบายให้ผู้ปฏิบัติจิตอยู่กับตัวใจอยู่กับกาย

    การฝึกเเล้วเเต่จริตของบุคคลคะ


    เเต่พระพุทธองค์สอน ให้รู้กาย รู้จิตเพียงเท่านั้น

    ไม่เคยมีการกำหนดว่าต้องเดินยังไง นั่งยังไง


    พระพุทธองค์สอนให้เจริญ อานาปาณสติ หรือ ดูลมหายใจ ท้องพองยุบ

    เเต่ สมาธิหมุน ก็เปรียบเสมือนการขุดของเดิมที่ถูกกักเอาไว้คะ


    ไม่ว่าจะ โรค หรือ เจ้ากรรมนายเวร หรือ สัมผัสที่หก

    หรือ จะเรียกว่า การออกกรรม หรือ แก้กรรม ก็ได้คะ

    เพื่อให้รู้ว่า อะไรที่ทำให้เราอึดอัดเเละทุกข์ใจ

    การปฏิบัติถ้ามีก็มีค่ะ ถ้าไม่มีก็ไม่หมุน (ไม่ใช่ว่าหมุนทุกคน) บางคนก็อาจจะสั่น

    หรือ บางคนอาจจะเหวี่ยงตัวควบคุมไม่ได้ ทุกอย่างล้วนอยู่ที่ บุญเก่ากรรมเก่า

    ไม่มีการกำหนดตายตัวในการออกท่าทาง เหมือนการ ขับพิษคะ

    เมื่อเราเหวี่ยง ตรงไหนที่เจ็บป่วยหรือ อะไรที่อยู่ข้างในจะออกมาหมด

    เมื่อไรที่เราขับพิษหรือ เจ้ากรรมนายเวรหลุดออกมาเเล้ว กายจะหยุดเองคะ

    เราไม่ได้สร้างเเละไม่ได้ติด เเต่เมื่อไรที่ เจ้ากรรมนายเวรพ้นเเละเเสดงออกเเล้ว

    อาการต่างๆจะหยุดเองคะ เเต่ถ้าไม่หมดอาการก็ยังคงเเสดงออกคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2009
  17. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870

    อาการที่ออกเเสดงเพราะ ว่าจิตเราอยากเเสดง เเต่เราไม่ได้มีหน้าที่ในการควบคุมจิต

    การที่เราควบคุมทำให้เราไม่รู้ว่า จิตเราทำอะไรได้เลยคะ

    ผู้ปฏิบัติมีหน้าที่เดียว คือ ตามรู้ตามดูอาการต่างๆ เเล้วปล่อยวาง วางเฉย

    จิตเขาอยากหมุนก็หมุน จิตเขาอยากสั่นก็สั่น จิตเขาอยากนั่งนิ่งๆเฉยๆ ก็นั่งนิ่งๆเฉยๆเสีย

    อาจารย์กรรมฐานเเต่ละคนมีวิธีสอนเเตกต่างกันไป

    เลือกให้ถูกว่าอะไรที่ใกล้เคียงกับอาการของเรา เเล้วตามรู้ตามดูไปค่ะ

    อย่าไปอยากปฏิบัติอยากได้นิพพาน เพราะนั้น ก็คือ กิเลสในการอยากปฏิบัติ

    ทำให้เกิดเป็นกรรมเกิดความฟุ้งซ่าน เเละ ทุกข์เมื่อเราไม่ได้อย่างที่เราอยากได้

    ปฏิบัติเพียงเพราะ สงสัยเเละอยากรู้ เเต่อย่ายึดติดกับสิ่งใดเลย ปฏิบัติเพื่อให้จิตเราสงบ

    ถ้ากลัวก็หยุดทำ ถ้าอยากรู้ก็หาคำตอบ ตอบสนองจิตเสีย

    เพื่อให้จิตของเราจะได้สงบเเละดับไปค่ะ ตามรู้ ตามดู เเละปล่อยวาง

    กายกับจิตไม่ใช่ของเรา เพียงเรา คิดว่า เราเป็นเจ้าของ

    จึง ควบคุมจิตเเละกายโดยที่เราไม่รู้ตัว เมื่อเราควบคุมจนชิน

    จิตเราก็ทำได้เท่าที่เราคิดให้เขาว่า เขาทำได้เท่านี้

    เมื่อคิดว่ากลัว เขาก็กลัว เมื่อคิดว่าทำไม่ได้เขาก็ทำไม่ได้

    เมื่อคิดว่าไม่มีพลังจิต จิตเขาก็เชื่อค่ะว่าเขาไม่มีพลัง

    เเต่ถ้าเราปฏิบัติให้ จิตเป็นอิสระ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่นเเละปล่อยวาง

    นอกจากอาการหมุน หรือ เหวี่ยง ที่เราเห็น จิตทำกับกาย

    เราจะรับสื่ออื่นได้อย่างง่ายดายค่ะ ขึ้นอยู่ที่ความ ศรัทธาของตัวเราเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2009
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870

    อาการต่างๆ เป็นเรื่องธรรมดามากเมื่อจิตเราเขาทำงานเป็นอิสระ

    โดยปกติอาการต่างๆจะเกิดขึ้นขณะที่เรา จิตสงบเช่น ใกล้หลับ หรือ กึ่งหลับกึ่งตื่น

    เมื่อใดที่เราจิตหลุด ให้ทำสมาธิเเละระลึกถึงพระพุทธองค์ เเล้วจิตจะรวมเข้าร่างเองคะ

    ส่วนอาการเห็นเเสงต่างๆ คือ พลังงาน หรือ พลังจิตที่ จิตเราเดินทางไป

    เเต่เหมือนเดิมค่ะ ตามรู้ตามดู สงสัยให้รู้ว่าสงสัย เเต่อย่ายึดติด

    เมื่อเรา นั่งอาการต่างๆก็จะเเสดงออก เเต่ส่วนมาก เข้ามาเพื่อ ล่อลวง

    หรือ หลอกจิตให้เรา เชื่อ เเต่เราห้ามเชื่อค่ะ ทำได้อย่างเดียว คือ รับรู้เเละปล่อยวาง

    (ยกเว้นเขาขอความช่วยเหลือที่เราทำให้ได้ เช่นเเผ่เมตตา ทำบุญไปให้ค่ะ)

    ถ้าเราหลงไปเมื่อไร จิตเราจะไม่หลุดพ้นค่ะ เช่น หลอกเราว่าเราเป็นผู้ยิ่งใหญ่ หรือ อยากฆ่าคน

    สิ่งเหล่านี้สามารถที่ทำให้ผู้ปฏิบัติเเล้วหลงเชื่อเป็นบ้าได้เพราะหลงเชื่อ จิตเหล่านั้นนั้นเองคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2009
  19. taw_wan

    taw_wan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +124
    ขออนุโมทนา กับคุณสันโดษด้วยค่ะ ที่นำสิ่งดีๆมาให้ทุกท่านได้ทราบกัน

    ขอให้เจริญทั้งทางโลกและทางธรรมยิ่งๆขึ้นไป
     
  20. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
    พี่สันโดษ ครับ แล้วถ้าจะฝึกพลังปราณ เหมือนกังฟู เขาจะเริ่มฝึกกันแบบไหนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...