ถวายกระทง จากหนังสือกายสิทธิ์ ยุคอภิญญา โดย อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์ ปกติ คือวันเพ็ญเดือนสิบสอง จะมีการลอยกระทงตามแม่น้ำต่างๆ แต่คณะศิษย์ของ หลวงพ่อดู่ วัดสะแก จะนำกระทงมาถวายท่าน ซึ่งเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่ง ผู้เขียนและหมู่คณะได้มีโอกาสนำกระทงไปถวายกับท่านซึ่งในคณะส่วนใหญ่เป็นนักปฎิบัติธรรม เคยมีผู้สงสัยกราบเรียนหลวงพ่อว่า 'เห็นมีผู้ำนำกระทงมาถวายหลวงพ่อมากมาย ทำไมหลวงพ่อไม่ลอยกระทงในน้ำหรือ' หลวงพ่อตอบว่า 'ลอยด้วยน้ำจิตน้ำใจของเราไงล่ะ' หลวงพ่อท่านให้สมาทานศีลเสียก่อน แล้วจึงนำถวาย เมื่อกล่าวคำถวายเสร็จพวกเราจะประเคนแก่ท่าน หลังจากนั้นท่านจะให้ทุกคนภาวนาไตรสรณคมณ์สักครู่ แล้วท่านจะนำจิต นำกระทงไปถวายพระพุทธเจ้าที่วิมานแก้ว เมื่อพระพุทธเจ้ารับแล้ว หลวงพ่อจึงให้พร ผู้ที่มีจิตใจเป็นทิพย์หลายๆคนจะสามารถเห็นได้ว่าไปจริงๆ บุญที่ได้จึงมีทั้งบุญภายนอก คือ อามิสบูชา และบุญภายในคือ ปฎิบัติบูชา ตามประเพณีเดิมของการลอยกระทง มีทั้งคติพราหมณ์ และพุทธ ทางพราหมณ์ ถือว่าเป็นการขอขมาพระแม่คงคา ส่วนทางพุทธมีหลายเจตนา เช่น การบูชาพระจุฬามณี, การบูชารอยพระพุทธบาท ที่พระพุทธองค์ประทานไว้ให้แก่พญานาคที่แม่น้ำ ส่วนเค้ามูลดั้งเดิมมีมาจากการที่มานพทั้ง ๕ ซึ่งเกิดจากไข่กาเผือก เมื่อรังถูกพายุพัดไข่กระจัดกระจายไป ได้มีการนำไปเลี้ยงโดย ไก่ นาค เต่า วัว และราชสีห์ เมื่อมานพทั้ง ๕ บำเพ็ญเพียรแล้วได้มาพบกันจึงรู้ความจริงว่า มารดาของตนเองเมื่อมาไม่พบลูกทั้ง ๕ นั้นเกิดความเสียใจจนเสียชีวิต ขณะนี้ไปอยู่พรหมโลกชื่อว่า พกาพรหม มานพทั้ง ๕ จึึงคิดเป็นรอยตีนกาเพื่อบูชา ท้าวพกาพรหม ซึ่งเป็นมารดา และมานพทั้ง ๕ คือ พระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ ต่อมาคือ นะ - โม - พุท - ธา - ยะ ดังนั้น ท้าวพกาพรหม จึงถือว่าเป็นโยมของพระพุทธเจ้าก็ได้ หลวงพ่อจึงสร้างพระปางโปรดท้าวพกาพรหมไว้ให้พวกเราทั้งหลายบูชา หลวงพ่อยังได้บอกอีกว่า "พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ ขึ้นไปโปรดท้าวพกาพรหมจนละทิฐิได้เป็นพระโสดาบัน แต่ขณะนี้เป็นพระอนาคามีแล้ว จะเข้าถึงพระนิพพานในยุคพระศรีอาริยเมตไตรย" ที่ั วัดพระธาตุดอยเกิ้ง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ มีการค้นพบรอยพระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ รอย และโยมคือรอยกาเผือก และโยมที่นำมาเลี้ยงคือ ไก่ นาค เต่า วัว และสิงห์ นอกจากนี้ยังพบรอยพระพุทธบาทอีกหลายรอย ซึ่งครูบาเจ้าศรีวิชัย ได้สร้างวิหารครอบไ้ว้ในสมัยท่านมีหลายรอยด้วยกัน