Featured อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล สนทนากับพญายม เมื่อพระอยู่ในนรก

สนทนากับพญายม
เธอเป็นอาจารย์ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ทำไมต้องเรียกตนว่า อาจารย์?
เธอยกตัวเองหรือเปล่า?
อาจารย์เชื่อว่า สำหรับคนที่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักอาจารย์ตามข่าวสังคมตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน คงมีคำถามเช่นนี้


….
เมื่อชีวิตหันเข้าสู่ทางธรรมตั้งแต่ปี 2543 และเริ่มสอนธรรมะให้เยาวชนที่โรงเรียนแห่งชีวิตตั้งแต่ปี 2547 ตอนนั้นอาจารย์รู้ฐานะของตนดี ก็ใช้สรรพนามเรียกตนเองว่า ครู แต่พอปฏิบัติวิปัสสนามากว่า 6,000 ชั่วโมงมีสภาวะธรรมอันเหมาะควรแก่การอุทิศตน สอนธรรมขั้นสูงเพื่อการหลุดพ้น จึงสอนวิปัสสนากรรมฐานในปี 2554 และคิดว่า หากเราเรียกตนเองว่า “อาจารย์” จะเป็นยกตนหรือไม่หนอ แต่หากไม่เรียกก็จะมีผู้ไม่รู้สถานะการเป็นผู้สอนธรรม ก็จะเปิดช่องให้เขาปรามาสหนักข้อยิ่งขึ้น อันไหนดีกว่ากัน
คำว่า “ครูอาจารย์” ก็คือเปรียบดั่งเครื่องแบบที่ช่วยบ่งบอกสถานะกลายๆ เป็นจุดหยุดหรือ Stop Sign ให้คนได้คิดก่อนที่จะมีปฏิกริยาอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อเมื่อเขาได้มาสัมผัสธรรมที่สอนสั่งแล้ว คำว่าอาจารย์นี้ก็จะกระจ่างแก่ใจของเขาเอง ผู้ที่จะนำคำว่า ครูอาจารย์มานำหน้าสถานะตนได้ ต้องพร้อมและยอมรับโดยดุษฏีแล้วว่า ตนมีภูมิเพียงพอต่อการสอนสั่ง และต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างอันดีงามและความรู้ที่ตนถ่ายทอด แม้แต่ครูอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาโลกๆก็ต้องประพฤติตนให้คงมั่นในศีลห้า เพราะคำว่าครู นั้นคือต้นแบบ ยิ่งเมื่อมาถ่ายทอดวิชาของพระพุทธเจ้า ก็ยิ่งต้องมีศีลและจริยวัตรให้คู่ควรแก่การทำหน้าที่ดุจรัตนะดวงที่สาม ที่ช่วยถ่ายทอดธรรม การนำคำว่า “ครูอาจารย์ทางธรรม” มาใช้นำหน้าตน ก็เหมือนนำผ้ากาสวพัตร์มาถือครอง ผู้คนก็จะให้ความเคารพนับถือโดยทันที ส่วนศรัทธาจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้นเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถบารมีในการสอนสั่งธรรม ผู้ที่เป็นพระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ เวลาทำดีก็ได้ดีกว่าผู้อื่น แต่เวลาทำไม่ดี ผิดพลาด ก็จะโดนลงทัณฑ์หนักสาหัสกว่าคนอื่นเช่นกัน
…
เมื่อมีศิษย์แสดงความเห็นว่า อยากให้อาจารย์เขียนคำสอนในเรื่องพื้นๆ ฐานๆ สำหรับผู้ที่ยังไม่ใช่นักปฏิบัติธรรมบ้าง เพื่อธรรมจะได้เปิดกว้างขึ้นอาจารย์ก็เห็นจริงตามนั้น ตลอดเวลาที่สอน ไม่เคยได้คุยกับพญายมราชเป็นเรื่องเป็นราวเลย มีแต่สื่อจิตคุยไม่กี่ประโยค มาครานี้จึงได้สอบถามหลายเรื่องทีเดียว โดยเริ่มมาที่เรื่อง กรรมปรามาส เมื่อสนทนาปสาทะตามควร จึงถามว่า
“ท่านพญายมราช ท่านรู้สถานะ (สภาวะสัจจะ) ของเรา แต่ทางโลก เราไม่มีเครื่องแบบทั้งยังมีกายเนื้อเป็นหญิงอีก จึงถูกลบหลู่ปรามาสโดยง่าย คนที่ลบหลู่เราเขาจะต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างไร”
“ พระคุณเจ้า ผู้ลบหลู่ปรามาสพระคุณเจ้า ลิ้นจะถูกลากมาตัด แล้วถูกไฟนรกแบบ…. (หยุดคิดครู่นึง) ทางโลกเรียกว่า ลาวาเผาผลาญ พระคุณเจ้า”
“เขาต้องติดกรรมนี้กี่ปี”
“ เขาต้องถูกลงทัณฑ์ 1,000 ปี พระคุณเจ้า”
“แล้วหากเขาตั้งจิตขอขมากรรมปรามาส เขาจะพ้นผิดไม่ต้องรับกรรมได้หรือไม่”
“ไม่ได้ พระคุณเจ้า กรรมปรามาสแม้ว่าพระคุณเจ้าและพระอริยสงฆ์ท่านจะไม่ถือโทษอันใด แต่การขอขมาเพราะความกลัวบาปไม่ได้ช่วยให้พ้นกรรมได้ เขายังต้องรับผลกรรม แต่หากขอขมาด้วยใจน้อมเคารพจากจิตอย่างแท้จริง จึงจะพ้นโทษได้”
“ถ้าเช่นนั้น กรรมที่เขาทำกันทางอินเตอร์เนทล่ะ ท่านย่อมรู้ใช่มั้ย เดี๋ยวนี้โลกมนุษย์ก้าวหน้าไปมาก บางทีเขาอ่านอะไรทางคอมพิวเตอร์นิดเดียว เขาก็เขียนด่าปรามาสแล้ว เขาไม่ต้องตกนรกกันมากมายหรือนี่”
“ พระคุณเจ้า นรกภูมินี้แทบไม่มีที่ว่าง ผู้คนทำบาปกรรมมากมาย เหมือนน้ำที่หยดลงมาเต็มบ่อตลอดเวลา”
“สมัยก่อนมีการบันทึกกรรมด้วยการจด เดี๋ยวนี้โลกก้าวหน้าไปมาก ท่านบันทึกกรรมด้วยวิธีใด”
“โลกก้าวหน้าไปอย่างไร นรกภูมิของข้าฯ ก็ก้าวหน้าเช่นเดียวกันพระคุณเจ้า”
คำกล่าวของพญายมราช ยืนยันสิ่งที่อาจารย์เห็นในจิตถึงฐานส่งกระแสพลังงานของมาร ที่มีการใช้เครื่องมือสื่อสารทั้งคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน อุปกรณ์ที่ล้ำสมัย สิ่งที่เห็นบ่อยที่สุดคือห้องเครื่องส่งกระแสไฟฟ้า เสาไฟฟ้าส่งคลื่นพลังงาน การถอดปลั๊กเสียบปลั้ก สำหรับส่งคลื่นความถี่ไปในฉุดดึงจิตสรรพสัตว์ต่างๆ ให้จิตคิดวนตามการแผ่คลื่นความถี่ที่เขาส่งกระจายลงมา
การสนทนายังมีมากกว่านี้ แต่จะขอยกท่อนที่เกี่ยวเนื่องถึงกัน
ความรู้อันนี้ เป็นสิ่งที่แรกทีเดียวพญายมราชไม่ให้เปิดเผย เพราะเกรงว่าหากเผยไปจะเดือดร้อน เพราะขัดกับสิ่งที่เกิดขึ้นทางโลกอย่างมาก แต่ด้วยสาระนั้นมีความสำคัญมากกับฐานะของผู้สั่งสอนธรรม อาจารย์จึงขออนุญาตพญายามราชโดยบอกว่า จะไม่เปิดเผยนามอันชัดแจ้ง พญายมราชกล่าวว่าการณ์ใดที่เป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาโดยรวม ท่านยินดี
อาจารย์รู้มาว่าพระภิกษุผู้น่าเลื่อมใสรูปหนึ่ง ท่านละสังขารไปนานพอควร ท่านเขียนสอนสั่งธรรมอย่างแยบยลและคมคาย มีผู้นับถือศรัทธาท่านมากทั่วประเทศ เมื่อท่านละสังขารไปแล้ว คำสอนของท่านก็เผยแพร่มากมายกว่าเดิมนัก
“ ท่านพญายมราช เราขอคำยืนยันจากท่านหน่อยเถอะ ท่านภิกษุ…อยู่กับท่านใช่มั้ย”
“ใช่แล้วพระคุณเจ้า ถูกเผาอยู่ในนรกภูมินี้”
“โอ…น่าสังเวช ในโลกมนุษย์ มีแต่คนเคารพนับถือคำสอนท่านมากมาย เขาไม่รู้เลยว่าท่านมาติดอยู่ที่นี่ ”
“มีภิกษุหลายรูป ที่บิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าต้องประสบกรรมเช่นนี้ พระคุณเจ้า”
เมื่อถามว่าพระภิกษุนี้ท่านติดอยู่ที่ขุมไหนก็ได้คำตอบที่น่าสยดสยอง
“ ถูกเผาผลาญอยู่ที่มหาสัญชีวนรก เป็นนรกภูมิที่ไม่มีวันตาย ดวงวิญญาณไม่มีวันได้พักฟื้น ต้องถูกตรึงเผาอยู่อย่างนั้นตลอด 3 เวลาแบบโลกมนุษย์เมื่อช่วงที่ไม่ได้เผา ก็ต้องถูกลากมาบดด้วยต้นตาลใหญ่ กรรมของผู้บิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า ย่อมเป็นกรรมอันสาหัส”
“พระภิกษุท่านนี้ต้องชดใช้กรรมอยู่นานเท่าใด”
“ จนกว่าจะหมดพุทธันดรนี้ พระคุณเจ้า”
“ท่านพญายมราช นรกภูมิเต็มไปด้วยความทุกข์เวทนาอันสาหัส เสียงร้องโหยหวลของสัตว์นรกที่ถูกลงทัณฑ์ปานนี้ ท่านและเหล่านายนิรยบาล ทนฟังเสียงเหล่านี้ได้อย่างไร”
“พระคุณเจ้า (เสียงแข็งขึ้น) เมื่อคิดถึงกรรมที่สัตว์นรกเหล่านี้ได้กระทำลงไป ข้าฯและเหล่านายนิรยบาล ก็หมดสิ้นความเมตตากรุณา จึงยังทำหน้าที่ต่อไปได้”
..
พุทธันดรของพระบรมศาสดาโคดม คือ 5,000 ปี ก็หมายถึงราว 2,442 ปี
กรรมแห่งการบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่าไว้คือ การสอนให้คนไม่เชื่อในภูมินรก สวรรค์ว่ามีจริง เป็นการบิดคำสอนที่นำไปสู่การถกเถียง ในทำนองว่า สวรรค์และนรกเป็นสิ่งที่จิตสร้างขึ้นมาเองเกิดขึ้นตามความรู้สึก นี่เป็นใจความที่อาจารย์พอจับความมาได้ เพราะเมื่อได้อ่านคำสอนเองก็ยังงงและนำไปสู่ความคิดในทำนองนั้น แม้เมื่อไปอ่านที่มีผู้มาถามท่านให้ชัดเจนว่า สรุปว่านรกมีจริงหรือไม่ แต่คำตอบก็ยังเป็นไปในเชิงเปิดช่อง ให้ไม่เชื่อในนรกสวรรค์อย่างสนิทใจ ยังเป็นเรื่องของการที่จิตรู้สึกขึ้นมาเอง
การเกิดขึ้นของนรกสวรรค์
การเกิดขึ้นของภูมิต่างๆ เป็นความจริงในระดับสภาวะสัจจะ จิตไม่ได้ผุดนรกสวรรค์ขึ้นมา นรกสวรรค์เป็นการเกิดขึ้นโดยกฏของโลกวิญญาณตามกระแสพลังงาน จิตเป็นตัวกระทำที่ก่อให้เกิดการเข้าไปสู่ภูมิดังกล่าว ผ่านการสะสมทางจิตสังขาร เป็นการสะสมลักษณะกรรมที่แบ่งแยกตามคุณลักษณะออกเป็นฝั่งของกุศลและอกุศล ที่จะนำเข้าไปสู่ข่ายการได้รับโทษทัณฑ์ หรือได้รางวัล เมื่อในจิตมีกระแสอกุศล ก็จะถูกดึงไปสู่ภูมินรกตามคลื่นความถี่ที่สะสมไว้ หากจิตสะสมกระแสกุศลก็จะถูกดึงไปสู่ภูมิสวรรค์ ตามคุณสมบัติของคลื่นพลังงานชนิดเดียวกัน จิตไม่ได้สร้างนรกสวรรค์ขึ้นมา แต่จิตเป็นที่สะสมรหัสสังขารให้ถูกดึงดูดไปสู่ภูมิดังกล่าว นรกสวรรค์ เกิดขึ้นด้วยการจำแนกคุณลักษณะของกระแสพลังงาน พลังงานที่มีคุณลักษณะ “หนัก” ก็ไปรวมอยู่กับธาตุหนัก พลังงานที่มีลักษณะเบา ก็ไปรวมอยู่กับธาตุที่เบา และเมื่อรวมกันมากเข้าคือมีกระแสวิญญาณไปรวมกันมาก ก็มีการจัดระเบียบและแบ่งแยกหมวดหมู่ที่เรียกว่า Catagory ตามชั้นต่างๆ เป็นการซ้อนชั้นที่มี Dimension มิติซ้อนกันอยู่อย่างอัศจรรย์ มีการจัดระเบียบการปกครอง ให้ผู้ที่มีบารมีสูงในแต่ละชั้นขึ้นมาเป็นผู้ปกครอง
นรกสวรรค์ หากจะกล่าวว่าเกิดขึ้นในจิตชั่วขณะนึง นั่นเป็นการเกิดขึ้นตามอารมณ์ที่ได้รู้สึกเมื่อเกิดการปรุงแต่ง ซึ่งในสภาวะสัจจะ ผู้สะสมสังขารกรรมไว้ต้องถูกผลักให้ไปติดอยู่หรือไปรับผล ตามคลื่นที่ตนสะสมไว้ในสังขาร
อาจารย์รู้มาผ่านพระอรหันต์เจ้ารูปหนึ่งว่าวิญญาณของท่านอยู่ในนรก และเมื่อได้ตรวจดูด้วยตนก็เห็นจริงตามนั้น แต่ก็ช่างแย้งกับความเป็นจริงในโลกมนุษย์ จึงต้องถามยืนยันกับพยายมราชอีกครั้ง คำว่า “บิดเบือน” คำสอนที่ไม่แจ้ง ก่อให้เกิดความสับสนงุนงน และชี้ไปในทางว่า นรกสวรรค์ ไม่มีจริง ทำให้คนไม่กลัวบาปกรรม ซึ่งผลที่เกิดอาจารย์ประสบมากับตัวเองราว 5 ปีก่อน คือเมื่อมีคนได้อ่านหนังสือ เตโชวิปัสสนาเปิดประตูนิพพาน ที่มีบทพูดถึงนรก ผู้ที่อยากมาเป็นศิษย์มากผู้หนึ่ง มาหาถึงที่โรงเรียนแต่ก็ชะงักกับบทเห็นนรกเห็นสวรรค์ของอาจารย์ เขาบอกว่า
“ …แต่ ท่าน…(พระภิกษุ) สอนไว้ว่า นรกสวรรค์ไม่มีจริงนี่…..”
อาจารย์ตอบไปว่า “จริงหรือที่ท่านว่าไว้อย่างนั้น จับใจความคำสอนของท่านดีหรือยัง” ชายผู้นั้นก็ยังยืนยันและสับสน แน่นอนว่า เขาไม่ได้มาเป็นศิษย์
การสอนธรรมที่ตนไม่แจ้ง และการทำให้ธรรมกลายเป็นเรื่องเชิงปรัชญาที่มีไว้ถกจับความคำสอนแล้วไปคิดต่อ เป็นอันตรายมาก ต่อเมื่อไม่กลัวบาปเสียแล้ว น้ำหนักในการผลักดันให้ทำความดีหรือมุ่งหน้าต่อความเพียร ก็หายไป จิตก็จะหลงมัวเมาอยู่ใต้อำนาจกิเลสตัณหาต่อไป เพราะคิดว่าลอยตัว ทำชั่วไม่ต้องลงนรก
ผู้ใดก็ตาม ที่บิดเบือนคำสอนของพระบรมศาสดา ทำให้คนไม่หนักแน่นในฐาน เกิดการขัดแย้งกับข้อหิริ โอตัปปะ คือความละอายชั่วกลัวบาป ก็เท่ากับปรามาสคำสอนของพระพุทธองค์ไปในตัว ผิดแค่องศาเดียว แต่เป็นองศาที่เป็นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ต้องประสบกรรมหนักหนานัก ส่วนกรรมของผู้ที่แอบอ้างเอาธรรมมาหากิน มาแสวงหาลาภ ยศ สรรเสริญ นี่คงไม่ต้องพรรณา
เรื่องราวการสนทนากับพญายมราชยังมีมากกว่านี้ เป็นการสบช่องที่ได้สนทนากับท่านในวันออกพรรษา เริ่มต้นก็แบ่งบุญและอำนวยอวยพรให้แก่ท่าน จากนั้นอาจารย์ก็กล่าวว่า “เราไม่ค่อยสอนถึงเรื่องนรกเท่าไหร่ มุ่งเอาแต่ธรรมขั้นสูงขั้นไปนิพพาน ยามนี้เห็นควรที่จะสอบถามความแก่ท่านเพื่อให้คนเกิดความละอายชั่วกลัวบาป ท่านพอจะมีเวลาให้เราได้สอบถามบางเรื่องเพิ่มเติมได้มั้ย”
“ข้าฯ ยินดีอย่างยิ่งพระคุณเจ้า”
“ดีละ ด้วยกุศลกรรมใดที่จะเกิดจากการเผยแพร่เรื่องราวในนรกภูมิที่ท่านดูแล เราขออุทิศบุญทั้งหมดนี้ให้แก่ท่านพญายมราช ขอให้ท่านพ้นกรรมโดยเร็ว”
เรื่องราวอื่นๆ อาทิ ใครเป็นผู้กำหนดปี ของการชดใช้กรรม การแบ่งบุญให้สัตว์นรก จะได้รับหรือไม่ สัตว์นรกมีเวลาพักชดใช้กรรมอย่างไร และอื่นๆ เพื่อเตือนใจก็รออ่านในสัปดาห์ต่อไป
..
อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล
28 ตุลาคม 2558

 

เอามาฝากครับ พอดีเปิดเจอ จะจริงเท็จอย่างไร พิจารณากันเองครับ ผมไม่เกี่ยว

 

ลวกเพ่ รับแซ็บ ความหวังลีสีจุมพล ว่าจะเปลี่ยน ทำกลับคืนตามธรรม ไปแว้ว

งั้นผมก็ต้อง โอ๊ะ โอะ โอย.....ตะดึง ตะดึง

 

นั้นเปลี่ยนใหม่

 

ใครเป็นพระภิกษุในบทความที่อยู่ในข้อความจริงๆเราไม่มีวันรู้ได้ อย่าคิดเองเลยครับ

แต่ถ้ากรรมที่บิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้ามีจริง ผมว่าคุณนิวรณ์คงต้องได้ไปอยู่กับพระภิกษุรูปนั้นในนรกแน่ๆ..555

เพราะรายนี้เขาบอกให้กราบไหว้พระทุศีลที่เอาคำพระพุทธเจ้ามาสอน...แถมยังบอกว่าถ้าป่วยก็ไม่ต้องไปหาหมอ ให้นั่งหาอริยสัจ 4ให้เจอก่อน...

 

ตอนที่ ลวกเพ่ เห็น message จากการลงทะเบียน แล้ว ตัดสินใจ เกะรักษา

ลวกเพ่ กำหนดรู้อยู่เป่าฮับว่า

อะไรมี อำนาจเหนือ จิต

กฏหมาย(โลก) หรือ ธรรม

ถ้าลวกเพ่ มี ธรรมเป็นนาย มีธรรมเป็นกษัตริย์ ลวกเพ่
ยังเห็น จิตเป็นของตน อีกเป่าฮับ ถามหน่อย




เบอร์โทรอื่น จะได้ยินเสียงรอสาย
แบบ แบบ แบบ ว่า "จิกเที่ยง"
แต่เบอร์นี้ จะได้ยินเสียงใจบอกว่า...

ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝาก หัวใจ
ลงทะเบียนฝากไว้ ตัวตน เอาไป ให้ธรรมเก็บรักษา
ยอมจำนนเธอแล้ววันนี้แค่แรก เห็น หัวหน้า(ธรรมเป็นใหญ่)
ฝากไว้กับฉันนะหัวใจของเธอ แลก "จิกเที่ยง" โอ๊ะ โอ โอย

 

บทความนี้น่าสนใจนะ
คำสอนพระศาสนา ภพภูมอื่นเขาก็เฝ้าติดตามเหมือนกัน

 

นี้ผมเป็นห่วงท่านนิวรณ์นะ ทำเป็นเล่นไป

 

ฝาก ลวกเพ่ พิจารณา บทความนี้ด้วยฮับ

 

ประเภทยกเอาคำสอนพระศาสดามาแต่งใหม่มีนะ

มันไม่แปลกใจเลย พระไตรปิฎก ที่แปลบิดเบือนไป

จนมาถึงรุ่นเรา...รุ่นก่อนๆยัดไส้ไว้เรียบร้อยแล้ว

นั้นนะถึงไปกองอยู่ในนรก

 

ผมว่าผู้หญิงคนนี้เก่งนะ

 

พระไตรปิฏก ก็จะมีไป 5000 ปี แหละฮับ

ที่เปลี่ยนไป ก็แล้วแต่ว่า ใครเขียน

หากเป็น หลวงปู่หล้าเขียน หรือแปล ก็จะยกว่า ใครเห็นว่า จิตไม่เกิด ไม่ดับ เป็น มิจฉาทิฏฐิ

แต่หากเอาไปให้ ลวกเพ่ ก็จะโน้น ไปโน้น ตรงกานขาม

แต่ ศาสนาจะอันตรธาน หายไปจากโลก พิจารณากันตรงไหน

ตรงที่ ภิกษุรูปสุดท้าย ทุศีล

ทำไมท่าน ทุศีล ...... ก็ ฆราวาส นี่แหละ ไปบีบท่าน ให้ท่าน พูดนั่นพูดนี่ แล้ว เชื่อเอา
พอฆราวาส เข้าใจ สิ่งที่ ภิกษุนั้นกล่าว องค์ของกรรม ก็บริบูรณ์ ....

ฮะเอ่อ

ดูดีๆ หน่าฮับ อย่าไป ด่า พระองค์สุดท้าย กันหละ ผิดฝาผิดตัว

 

ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอกครับ เขาก็ไปอยู่ในที่ของเขา กลุ่มของเขา แถมยังมีพระพี่เลี้ยงอยู่ก่อนหน้าแล้ว สบาย...

 

ฮี้ ฮี้ ฮี้

ยกขึ้นมา ชะเรียน อะไร หรือฮับ


ฮิววววววส์

 

ครับ ผมว่านั้น ช่างมันกรรมใครกรรมมัน

ส่วนมาก พวกที่อ้างจะสืบทอดศาสนานะ

 

ก็คิดเอาเองชิ ภูมโสดานะ

 

ภูมิอะไรนั่น

ลวกเพ่ กำหนดรู้ เห็นด้วยตัวเอง หรอฮับ

หรือ มีสิ่งอันเป็นทิพย์ โก กรมมะรังสี ฯลฯ กระซิบบอก

หรือ มีคนอื่นบอกมา ลวกเพ่ ก็เชื่อเอา ตาใสๆ


แล้ว พยายามจะ ปุกาด ให้คนอื่น เชื่อเอา ในสิ่งที่ ลวกเพ่ ".............."

 

+++ ป่าว... พุทธันดรของพระบรมศาสดาโคดม จะสุดสิ้นเมื่อ พระโพธิสัตว์องค์ใหม่ อุบัติขึ้นและ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ณ ขณะนั้น ๆ จึงเป็นการ "สิ้นพุทธันดรเก่า"

+++ ดังนั้นคำว่า "พุทธันดร" ในแต่ละพุทธันดร จึงยังใช้เวลา "ไม่เท่ากัน"

+++ จากข้างบนนี้แสดงว่า สัตว์ใน "มหาสัญชีวนรก" จะชดใช้ วิบากกรรม หมดสิ้นก็ต่อเมื่อ สิ้นพุทธันดรหนึ่ง ๆ

+++ ส่วน สัตว์ใน "โลกันต์มหานรก" นั้น จะเห็น แสงสว่างประดุจฟ้าแลบ ได้เพียงแค่ครั้งเดียว จากพุทธันดรหนึ่ง ๆ เท่านั้น จากนั้น วิบากกรรม ก็จะทำให้อยู่ในนั้นต่อไป

+++ ส่วน "กาลนาคราช" จะตื่นต่อเมื่อเกิด พุทธันดร แต่ละครั้ง

+++ ขอจำกัดศัพท์ตรงแค่คำว่า "พุทธันดร" ไว้แต่เพียงแค่นี้ นะครับ

 

ก็ขอเตือนท่านสาธุชนทั้งหลายว่า อ่านอะไรก็ใช้สติคิดนิดนึง ที่แคปมาให้อ่านว่าในนรกมีแทปเลป ก็ขอให้เจริญพวงยิ่งๆขึ้นไป

และที่จะเอามาให้อ่านก็คือ บทความของคนที่เป็นอาจารย์คนนี้ที่กล่าวว่า "อริยะบุคคลถอยหลังได้"

https://m.facebook.com/5000sMagazine/posts/1088450091299412:0


อ่านแล้วก็ขอให้สาธุชนใช้จักรยานเอาเอง ทั้งโสดาบันถอยหลังได้ อ่านๆไปก็เจออีกว่าโสดาบันบางทีก็เผลอทำผิดศีลข้อ 3 ถ้าท่านสาธุชนเห็นท่าว่าจะไม่ดี ก็ขอให้ใช้จักรยานที่มี รีบเผ่นเถอะโยม


เห็นทีว่าศิษย์โง๋ คงจะได้เวลาขอถอยห่าง ไปปลีกวิเวก ศึกษาและปฏิบัติธรรมต่อไป จะขออ่านเว็บนี้อย่างห่างๆ แบบห่วงๆ ^^

 

เขมรต้มคนไทย ขายหิน กก.ละ 200 บาท อ้างมีทองคำผสมอยู่

​

https://www.matichon.co.th/news/579703